fbpx

ทำไมฉลาก3รู้ ถึงสำคัญมากกับ คนคีโต

สรุปให้ตั้งแต่ช่วงแรกเลยเผื่อขี้เกียจอ่านว่า ถ้าคุณเห็นอาหารหรือขนมคีโต แล้วไม่มีฉลาก 3 รู้

  • คุณเอาอะไรมามั่นใจได้ว่า สิ่งที่อยู่ในนั้นมันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
  • คุณเอาอะไรมามั่นใจได้ว่า ปริมาณคาร์บในนั้นจะไม่ทำให้โควต้าคุณเกิน หรือแม้แต่ว่า
  • คุณเอาอะไรมามั่นใจได้ว่า คุณไม่ได้แพ้อะไรในนั้น
  • คุณเอาอะไรมามั่นใจได้ว่า สิ่งที่คุณจะเอาเข้าปากไปนั้น ทำมานานแค่ไหนแล้ว ใกล้จะหมดอายุหรือยัง แม้กระทั่งว่า
  • คุณได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์อะไรบ้างจากการกินสิ่งนี้

ถ้าไม่รู้เลย คุณยังมีความั่นใจในการหยิบใส่ปากอีกจริงๆหรือ? ลองถามตัวเองชัดๆอีกทีว่า กล้าจริงๆหรือ? แล้วจะดีกว่าไหม ถ้ามีฉลากที่บอกสิ่งเหล่านี้ให้รู้ก่อนจะกิน อย่างน้อยถ้าเขากล้าโกหก ก็โกหกคำโตแล้วหละนะ

ฉลาก3รู้ นั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

รู้ 1 : รู้ส่วนประกอบสำคัญ 

รู้ 2 : รู้สารอาหารที่ได้รับ

รู้ 3 : รู้วันผลิต/วันหมดอายุ

ฉลาก 3รู้คือ ตรารับประกันเหรอ?

  • ไม่ใช่ครับ ฉลาก3รู้ เป็นแค่จุดที่ควรมีใส่ในฉลากสินค้าแต่ละคน เพื่อให้คนคีโตรับทราบและพิจารณาเองว่า ขนมหรืออาหารนั้น เขาโอเคไหม ในการบริหารคาร์บ (หรือแคล ในบางคน) แต่ละวัน เป็นฉลากที่มีไว้ให้สังเกตก่อนจะซื้อมากินแค่นั้นเอง ทั้ง3รู้ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจจะกินอะไรที่ทำให้เราอยู่ในคีโตสิส มากกว่ามานั่งท่องว่าอะไรได้ไม่ได้

แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าฉลากไม่โกหก?

  • ไม่สามารถรู้ได้เลยครับ เต็มที่คือสามารถคำนวนย้อนศร เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของแคลกับสารอาหาร แต่ที่แน่ๆคือ ถ้าฉลากไม่ตรงกับความเป็นจริง อย่างน้อยมันก็ยังเป็นเอกสารยืนยันได้ ดีกว่าการที่ไม่มีแล้วเถียงกันปากเปล่า แล้วไปจบที่ “แม่ค้าไม่เคยบอกนะคะ ว่าคาร์บต่ำ ขนมนี้ต้องแบ่งกินนะคะ” ถ้าแม่ค้ากล้าเขียนลงไปบนฉลากก็ต้องมั่นใจแล้วว่าถูกต้องพอสมควร มิเช่นนั้นก็มีทางออก 2 ทาง 1.มั่วเขียนลงไป 2.เลือกที่จะจงใจไม่มีฉลาก3รู้ไปเลย ผู้บริโภคยังไงก็ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง

ใส่ในเพจได้มั๊ย ไม่ต้องแปะที่สินค้า?

  • ได้…แต่ การที่ต้องเข้ามาดูในเพจทุกครั้งที่จะกินจะซื้อ มันส่งผลดีตรงไหน? ยิ่งถ้าคุณแม่ค้าฝากขายในร้านคีโต สินค้าแบบเดียวกัน ยี่ห้อA มีฉลาก3รู้ ยี่ห้อBให้ไปดูเองในเพจ การตัดสินใจซื้อหน้าตู้ใครได้เปรียบ? ใครมีแต้มต่อมากกว่ากัน สำคัญคือ ใครดูดีดูน่าเชื่อใจกว่ากัน?? ไหนๆแล้วแปะลงไปที่สินค้าให้ตัวเองดูดี ดูมีคุณค่าคู่ควรกับคนคีโตไม่ดีกว่าเหรอ จะเอาเงินเขานะคุณ

ไม่มีฉลาก3รู้คือคีโตปลอมไหม?

  • ไม่เกี่ยวกับจริงปลอมใดๆ ฉลากมีหน้าที่แค่วัดคุณภาพแม่ค้าว่ามีความรับผิดชอบในธุรกิจอาหารตามที่ควรปฎิบัติไหม ที่ทำมาขายนี่คำนวนเป็นไหม มีหน้าที่ให้ลูกค้ารู้และตัดสินใจได้ว่า จะซื้อไหม ส่วนความจริงปลอมโกหกไม่โกหก ไปวัดกันอีกที แล้วหลักฐานที่ชัดเจนคือฉลากที่เขียนลงไปนั่นแหละ

อย่างนั้นไม่มีก็ได้ใช่ไหม?

  • ใช่ ไม่มีก็ได้ แต่อยากคุณลองอ่านทุกๆโพสในสารพัดกลุ่มคีโตดู จะพบว่ามีถึง 70-80% คำนวนไม่เป็น ไม่แม่นวัตถุดิบ มีแนวคิดแบบคีโตอิหยังวะ หนักเข้าหลายๆคนนับคาร์บไม่เป็นด้วยซ้ำไป ถ้าเกิดมีแม่ค้าที่คำนวนคาร์บไม่เป็น เอาวัตถุดิบที่“เขาว่า” เป็นวัตถุดิบคีโต มาทำขนมขาย คุณกล้ากินตามคนคำนวนไม่เป็นจริงๆหรือ? กลับไปที่ย่อหน้าบน คุณกล้าซื้อของที่คนทำ ยังไม่แม่นคีโตเลยจริงๆหรือ? เพราะถ้าเขาแม่นจริงคำนวนจริง ย่อมกล้าที่จะใส่ฉลาก3รู้อย่างครบถ้วน จริงไหม? สิ่งนี้เลยเป็นตัวคัดกรองเบื้องต้น ถ้าบทกล้าจะมั่วเขียนลงไปก็ให้รู้กันไปเลยครับ อย่างน้อยๆก็เข้าความผิดฐานหลอกลวงผู้บริโภคได้อย่างมีหลักฐาน

ยุคนี้ถ้าผู้บริโภคไม่ปกป้องตัวเอง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วหละครับ ดีมานด์ย่อมสร้างซัพพลาย ถ้าคนซื้อต้องการให้มีฉลาก3รู้ ยังไงเสียคนทำก็ต้องใส่ เพราะใครไม่ใส่ก็เสียโอกาสทางการค้า เว้นแต่ว่า คุณๆผู้บริโภคเอง ยอมกินในสิ่งที่ไม่รู้เลยว่าคืออะไร มีแต่แชทไลน์ที่แม่ค้าบอกไว้

You are what you eat


อธิบาย ฉลาก3รู้ อย่างละเอียด ได้อย่างนี้ครับ

เพราะว่าการกินคีโต แตกต่างจากการกินคลีน โลว์โซเดียม หรือแม้แต่อาหารเบาหวานทั่วไป ตรงที่ว่า พวกเรามีสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ ในอาหารนั้นๆ เพราะสิ่งนั้นมันมีผลกับการอยู่ใน keto adapted เนื่องจากว่าคีโตเจนิคไดเอ็ทนั้น คือการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตไม่ให้มากเกินไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนร่างกายสลับไปใช้ไขมันเป็นพลังงาน นั่นหมายถึง การจะดูว่าสินค้าตัวนี้เป็น Keto Friendly นั้น เราจำเป็นต้องทราบปริมาณและประเภทของสารอาหาร โดยเฉพาะ คาร์โบไฮเดรต ครับ 

หากจะเทียบเคียงกับคนกินเจ ก็ไม่เหมือนสักทีเดียว เนื่องจากฝั่งเจเขามีทั้งแบบที่ยึดความเชื่อเป็นพื้นฐาน กับ มีมุมมองด้านสุขภาพในรูปแบบของเจ และวัตถุดิบส่วนมากมองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนด้วยตาว่า มันเป็นอาหารเจหรือเปล่า

หรือว่า

ถึงแม้จะพลาดโดนเนื้อสัตว์ไป ก็ตั้งใจกลับมาใหม่ได้ โดยไม่มีผลทางการปรับเปลี่ยนการเผาผลาญอาหารมาใช้เป็นพลังงาน อย่างมีนัยยะสำคัญ โอเคจะโกรธก็เพราะผิดศีล หากอาหารนั้นหลอกลวงว่าเจแต่ใส่ของไม่เจ อันนั้นก็ถือว่าเป็นต่างกรรมต่างวาระกันไป (ซึ่งเอาจริงๆมันทำให้การมีฉลาก3รู้นั้น ควรใช้กับทุกๆไดเอทเลยด้วยซ้ำไป)

ในส่วนของคีโต

แม้แต่คนที่กินคีโตมาแล้ว หากได้รับคาร์บเกินโควต้าบ่อยและต่อเนื่องจนเกินไป จนร่างกายเลือกที่จะไม่ผลิตคีโตน นั่นคือจะทำให้ร่างกายสลับกลับมาใช้พลังงานจากคาร์บเป็นพลังงานหลักแทนที่จะเป็นไขมันอย่างที่ควรเป็น หรือพูดง่ายๆว่าผลของมันคือการโดน kick off ออกจากคีโตสิส นั่นเอง แถมถ้าเป็นแบบนี้นานๆก็จะเข้าสมการ คาร์บ+ไขมัน = บรรลัย สุขภาพเสียกันไปอีก

นี่คือสิ่งที่คีโตต่างกับ เจหรือวีแกนหรือไดเอ็ทอื่นๆ เพราะเรามีปริมาณคาร์บที่ต้องจำกัด ไม่ใช่แค่การเลือกประเภทของอาหาร

ดังนั้นการที่คนทำแค่มาบอกว่าเชื่อสิว่าอันนี้อาหารคีโต แม่ค้าก็กินคีโต มั่นใจได้เลยว่าคีโต100%” คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงพอโดยสิ้นเชิงในการประกอบการตัดสินใจ มันเป็นแค่การคัดกรองเบื้องต้นโดยอาศัยแค่ความเชื่อใจ เราต้องยอมรับกันว่า ในสังคมทุกสังคมย่อมหล่อหลอมคนหลายรูปแบบปะปนไปทั้งคนดีคนไม่ดี การคาดหวังให้คนซื้อแค่เชื่อใจ มันไมไ่ด้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้ซื้อเพียงพอ 

มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ประสานกันตรงกลางได้

ในความจริงแล้วการที่ คุณต้องบอกลูกค้าว่า ของที่คุณทำมันใส่อะไรในนั้นบ้าง เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบพื้นฐานของแม่ค้า แม้แต่แม่ค้าอาหารสำเร็จทั่วไปก็เถิด อย่างคีโตนี่ก็ควรบอกถึงว่าสารอาหารมีอะไรบ้าง แค่หลักๆก็ยังดี คาร์บ ไขมัน โปรตีน แล้วให้ลูกค้าตัดสินใจเอง ว่าจะบริหารปริมาณคาร์บยังไง (เฮียทำสำรวจอยู่บ่อยๆ เคยเห็นไหมครับ อาหารกล่องคีโต กล่องเล็กๆ คาร์บ18 เฮียถามคนขายว่าให้กินกล่องนี้แล้วที่เหลือของวันให้ทำยังไง คนขายบอกต้องบริหารคาร์บเอาเอง ??? โอเค ให้หาเนื้อล้วนกินเอา ซึ่งถ้าทำได้เฮียจะซื้ออาหารสำเร็จทำไม???)
อีกอย่างหนึ่งคือ เราสามารถนำส่วนประกอบที่ใส่มากับปริมาณคาร์บที่แจ้งไว้ สัมพันธ์กันไหม ดูคร่าวๆแล้วคำนวนมาถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรหรือไม่ เรามีวิธีคิดย้อนศรครับ ไม่ถึงกับเป๊ะๆ แต่สามารถเช็คทิศทางได้ ลองใช้โปรแกรมนี้ดูครับ (คลิก)

นั่นคือที่มาของฉลาก 3 รู้

ส่วนตัวเฮียเองทำเพจ ketohub , โต้งเอง, siripun มาซักพักได้เล็งเห็นแล้วว่า ทุกวันนี้ยังคงมีผู้ประกอบการคีโตจำนวนมากและมากขึ้นทุกๆวินาที ไม่ได้มีฉลากดังกล่าว ด้วยหลากหลายสาเหตุ ซึ่งเฮียจะไม่ล้วงลึกถึงความจำเป็นแต่ละเจ้าว่าตั้งใจ ไม่ตั้งใจ คิดไม่เป็นคำนวนไม่ได้ ไม่อยากบอกเพราะคาร์บสูงกว่าเจ้าอื่น หรือไม่รู้เลยว่าคีโตกินคาร์บได้แค่ไหน อื่นๆอีกมากมาย แม้หลายหมื่นเหตุผล แต่ปลายล้วนไปทางเดียวกัน “ไม่มี ก็คือ ไม่มี” no excuse ไม่เถียงด้วยนะครับว่ามันผิดหรือเปล่า แต่ยืนยันได้ว่า มันเหมาะสมที่จะมี แถมเป็นแต้มต่อที่ให้ค่าให้ราคาแบรนด์คุณ

และยังยืนยันอย่างชัดเจนว่า สินค้าคีโตที่คู่ควรกับชาวคีโต จะต้องมีฉลาก 3 รู้ ประกอบไปด้วย

รู้ 1 : รู้ส่วนประกอบสำคัญ 

รู้ 2 : รู้สารอาหารที่ได้รับ

รู้ 3 : รู้วันผลิต/วันหมดอายุ

รู้1 รู้ส่วนประกอบสำคัญ 

คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าคนจะก๊อบสูตร ยุคนี้ข้อมูลเป็นเรื่องง่ายมากครับ ของทุกอย่างถ้าจะทำบ้างจริงๆเลยมันก็ไม่ได้ยากเกินจะทดลอง แถมยังต้องวัดกันที่ฝีมืออีกต่างหาก เราเสียอีกที่ควรกลับมาดูแลลูกค้าตัวเอง ถีบตัวเองให้วิ่งนำคนอื่น การทำให้เขารู้ว่าใส่อะไรในของที่เขาซื้อไปกินนั้น ไม่ใช่แค่เพราะว่าลูกค้ามีสิทธิ์จะรู้ แต่แม่ค้าเองก็เถิด การที่บอกให้รู้คือความจริงใจ ใส่ใจ แสดงความไม่หมกเม็ดในวัตถุดิบ ดังนั้นหากไม่มีตรงนี้ ลูกค้าก็ย่อมมีสิทธิ์สงสัยในการมองว่าสินค้านั้นๆซ่อนของใส่วัตถุดิบคาร์บสูงลงไปด้วย เฮียเคยเจอแล้วเค้กคีโตที่ใส่นมสดปกติเลยแต่กดคาร์บต่ำมาก มากจนรู้ว่ามั่ว ก็ยังดีที่เขาเขียนว่าใส่นมสด ถึงรู้ว่าเขามั่วคาร์บ ดังนั้น คำว่าแม่ค้าก็กินคีโต ไม่ได้มีคุณค่าเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อถือเท่ากับการที่เรา “กล้า” เขียนลงไปชัดๆเคลียร์ๆว่าเราใส่อะไรบ้างครับ

แค่ใส่คำว่า “ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล วัตถุดิบเราคีโตจริงแท้100%” ไม่เพียงพอ ถือว่ากระจอกมากๆเลยนะครับ สำหรับยุคนี้

รู้2 รู้สารอาหารที่ได้รับ

สารอาหารคือแก่นแท้เลยครับ ยิ่งคีโตที่แท้จริง เขามองปริมาณเป็นหลัก มองประเภทเป็นรอง อย่างที่แจ้งไว้ก่อนนี้แล้วครับว่า ปริมาณคือสิ่งสำคัญกว่าประเภท ต่อให้คุณใส่แคทรอทลงไปแต่ใส่แค่2แว่น หรือ 3 เส้น ก็ยังมีความ keto friendly กว่าขนมที่ใส่เบอรี่คีโต 6เม็ด เยอะมาก ดังนั้นการที่ลูกค้าจะดูว่า ยี่ห้อไหนใส่ใจและจริงใจ เขาจะดูว่าแม่ค้าแจ้งสารอาหารให้ไหมว่ากล่องนี้ คาร์บ โปรตีน ไขมัน แคล เท่าไร ลูกค้าจะได้เลือกถูกและบริหารคีโตตัวเองได้ ที่สำคัญลูกค้าจะสามารถคำนวนย้อนศรได้ว่า สารอาหารกับส่วนประกอบสำคัญ สัมพันธ์กันไหม 

นี่คือสิ่งที่จะตอบได้ว่า เรากินอะไรเข้าไปกันแน่ แล้วถ้าเกิดผลที่ไม่น่าพึงพอใจกับการกินคีโต เราจะได้แทกกลับได้ว่า กินอะไรไปแค่ไหน การคำนวนถูกต้องหรือไม่ 

รู้3 รู้วันผลิต/วันหมดอายุ

สำคัญมากเช่นกันเพราะเป็นเรื่องของไฮจีนิค อายุอาหารนั้นเสียไปทุกวินาที ไม่ว่าจะเป็นประเภทของการบรรจุ อุณหภูมิ+ระยะเวลาระหว่างส่งไปที่ร้านหรือส่งตรงลูกค้า หรือแม้แต่การเก็บในตู้เย็นลูกค้าหรือตู้เย็นในร้านคีโตก็ตาม อย่างน้อยๆหากเราไม่สามารถคำนวนวันหมดอายุได้ การแจ้งวันที่ผลิตก็เป็นความรับผิดชอบของคนทำ ที่จะต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ

เห็นไหมครับจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย เป็นเรื่องสำนึกล้วนๆ

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ “ต้อง” ทำ คุณกำลังทำอาหาร ให้มนุษย์รับประทาน ความรับผิดชอบที่คนทำต้องทำคือฉลาก3รู้ครับ ภายใต้สำนึกที่ว่า คุณกำลังทำอะไรให้คนอื่นเขากิน ของมันละเอียดอ่อนและมักง่ายไม่ได้ครับ มันคือความรับผิดชอบต่อการกระทำกับเพื่อนมนุษย์ เอาจริงๆนะไม่เฉพาะคีโตหรอก ของกินทุกอย่างที่ทำขาย มันควรมีอยู่แล้วหละครับ

เฮียเริ่มแล้วสำหรับปี 2021 นี้ถือว่าเป็นช่วงรณรงค์ ดังนั้นบางรายการที่ทำลงเพจอาจจะยังไม่ครบถ้วน 

แต่ในปี 2022 เพจ ketohub ของเฮียประกาศไปแล้วว่า คอลัมน์สุ่มสั่งทั้งหมด จะเป็นสินค้าคีโตที่มีฉลาก 3รู้ เท่านั้นครับ 

ยี่ห้อไหนที่ไม่ทำ เขาไม่ผิดนะครับเขาสะดวกแบบนั้นของเขาเสรีภาพเป็นของทุกคน เพียงแค่เฮียจะเลือกหยิบจับยี่ห้อที่มีฉลาก3รู้ ครบถ้วนเท่านั้น ที่จะมี quality ทางฉลากเพียงพอที่จะมารีวิวมาเล่าให้อ่านกันแค่นั้นครับ ตัวไหนไม่ผ่านเกณฑ์ผมก็ยังมีกลุ่มชื่อ ซื้อกินคีโต ลงให้ต่างหาก แค่ว่าน่าเสียดายนะครับ แทนที่จะได้ขึ้นเพจด้วย เฮียนี่ขาอวยเลยนะ ใครมาดูก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ ฉลากครบ ดูมีคุณค่า ค้าขายสมัยนี้แต้มต่อสำคัญนะ ถ้าคุณจะก้าวนำผู้อื่น

ทำเหอะ มีแต่ดีกับดี 

เ่ชื่อเฮียดิ

#คีโต5ปี

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม