fbpx

นมอัลมอนด์ ทำไมถึงคาร์บต่ำกว่าอัลมอนด์เม็ดนะ

นมอัลมอนด์ ทำไมถึงคาร์บต่ำกว่าอัลมอนด์เม็ดนะ ผมนั่งสงสัยอยู่พักใหญ่ แน่นอนหละครับว่าใครๆก็ต้องคิดแบบเดียวกันง่ายๆว่า ก็ผสมน้ำไง ใสๆ กำไรงาม แต่อีกใจก็แย้งอยู่ว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ได้ปรักปรำแบรนด์ เติมน้ำคงมีหนะใช่ แต่จะใสๆกำไรงาม อย่างนั้นเลยเหรอ เออ กูมัน #ไม่ได้เรียนมา 

ลองสอบถามไปยังผู้ผลิต ยังได้รับคำตอบที่ไม่เคลียร์นัก ก็เลยคิดว่า โอเค ย้อนรอยจากผู้ผลิตเครื่องจักรแล้วกัน ดูฟังก์ชั่นการทำงานของไลน์ผลิตไป คิดว่าหลักๆแล้วคงไม่ต่างกันนัก เต็มที่ก็มีหมัดเด็ดที่รสชาติ ขั้นตอนการผลิตปลีกย่อย ซึ่งเราไม่ได้ต้องการล้วงลูกตรงนั้นอยู่แล้ว อยากแค่ Hit to the point เรื่องจำนวนคาร์บ ที่ได้ยินจากผู้ผลิตมากกว่าการเอาคำตอบจากความน่าจะเป็นแม้จะเป็นแบบมีหลักการก็ตาม

เดชะบุญที่ทางผู้ผลิตเครื่องจักรล้วนยินดีตอบ แน่นอนเพราะมันเป็นการโชว์สินค้าของเค้า และหลายๆส่วนก็เป็นข้อมูลแบบสาธารณะเปิด public อยู่แล้ว 

ทราบความแบบสรุปย่อได้ประมาณว่า ขั้นตอนหลักๆนั้นแบ่งเป็นแค่ บด, ปั่นผสม, ฆ่าเชื้อ, บรรจุ แค่นั้นเลยครับ 

ดังนั้นไลน์ผลิตจะไม่ซับซ้อนอะไรมาก โอเคเราอธิบายกันแบบนี้ครับ

1 นมอัลมอนด์ เป็นการรวมผสมกันระหว่าง เยื้ออัลมอนด์, น้ำเปล่า, ตัวอิมัลซิฟาย, ตัวแต่งรสหวาน, สุดท้ายคือกลิ่นต่างๆ
2 นมอัลมอนด์ ถือว่าเป็นนมที่มีสัดส่วนไขมันสูง สีขุ่นข้น (turbid milk) ทำให้ต้องมีการเจือจาง (Diluted) ใ่นระหว่างกระบวนการผลิตขั้นตอนของการบด grinding 
3 อัตราส่วนของการผสมน้ำต่ออัลมอนด์ คือ 10:1 
4 ไลน์ผลิตจะเริ่มตั้งแต่ ปอก ล้าง ปั่น ผสม เติมรส บรรจุ ฆ่าเชื้อ

ส่วนปลีกย่อยที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของศักยภาพของเครื่อง capacity ต่างๆของเครื่อง ซึ่งประเด็นที่ผมสงสัยก็น่าจะอยู่ในคำตอบได้ 2 ปัจจัยคือ

1 ในไลน์ผลิตจะมีการปอกเปลือก (peel) ด้วย มันก็ทอนคาร์บออกไปกับเปลือก

2 อัตราส่วนการผสมน้ำคือ 10:1 มันก็เจือจางคาร์บไปกับน้ำ

ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้มีผลทำให้ปริมาณคาร์บมีความแตกต่างกับอัลมอนด์เม็ดเป็นอย่างน้อย 10เท่านั่นเอง (คิดแบบเหมาตีกลมๆก่อนนะ) ใช้คำว่าอย่างน้อยเพราะส่วนนึงที่หลุดไปกับเปลือก ส่วนนึงสลายไปตามการผลิต 

ทำให้ปริมาณคาร์บจากอัลมอนด์เม็ด 100กรัม มีคาร์บ 9 กลายเป็น นมอัลมอนด์ 100กรัม คาร์บอย่างมาก 0.9 ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของนมอัลมอนด์ 1cup ที่มักใช้อ้างอิงในฉลากโภชนาการ จึงอยู่ที่ราวๆ 1.8 กรัมคาร์บ นั่นเอง (1 cup เทียบเท่า 180ml เหมาๆว่า 180กรัม ตีกลม 200กรัมเลยจะได้คูณง่ายๆ 0.9×2=1.8กรัมคาร์บ

อ่ะ ทีนี้เรามา reverse engineering กัน 

คิดย้อนเลย ตั้งสมมติฐานตามสูตรไว้ว่า อัตราส่วนในอุตสาหกรรมนมอัลมอนด์คือ 10:1 แล้วนมอัลมอนด์นี่ 1หน่วยบริโภคคือ 180มล เข้าวิชาคณิตศาสตร์ ที่คนคีโตคำนวนกันเก่งมากๆ 

โจทย์ 
การทำนมอัลมอนด์ เฮียโต้ง ได้ผสมน้ำกับอัลมอนด์ ในอัตราส่วน 10:1 ถ้าต้องการทำนมอัลมอนด์ในปริมาณ 180กรัม จะต้องใช้น้ำกับอัลมอนด์อย่างละเท่าไร 

วิธีทำ 

ส่วนผสมทั้งหมด 10 + 1 = 11 ส่วน ต้องการนมอัลมอนด์ 180 กรัม
แบ่งส่วนผสม 180กรัม ออกเป็น 11 ส่วน จะได้ส่วนละ 180/11 = 16.36 กรัม
เทียบเข้าอัตราส่วน 10 : 1 ก็จะได้เป็น
= (10 x 16.36) : (1 x 16.36)
= 163.6 : 16.36 ปัดกลมๆให้เรียกง่ายๆจะได้เป็น 164:16 

เพราะฉะนั้น

ถ้าต้องการนมอัลมอนด์ในปริมาณ 180 กรัม 

จะต้องใช้ปริมาณน้ำ 164 กรัม และ ปริมาณอัลมอนด์ 16 กรัม 
เรามาคำนวนคาร์บย้อนไขว้กลับอีกทีจาก USDA NF อัลมอนด์ 100กรัม คาร์บ9 
ดังนั้น อัลมอนด์ 1กรัม คาร์บ0.09 
แล้ว อัลมอนด์16กรัม คาร์บจะเท่ากับ 1.44 กรัมคาร์บ ถือว่าใกล้เคียงกับ 1.8 ที่อยู่ต้นบทความพอสมควร (อย่าลืมนะครับ เราใช้การปัดๆกลมๆดังนั้นความต่างแบบทศนิยม ถือว่ารับได้ เพราะเราคำนวนเพื่อภาพรวมเฉยๆและหลักแก่นเฉยๆ)

อัลมอนด์ 16 กรัม คือแค่ไหน ดูจากคลิปวีดีโอนี้ครับ

สรุปง่ายๆคือ เหตุผลที่คีโตดื่มนมอัลมอนด์ได้ และ เหตุผลที่นมอัลมอนด์คาร์บต่ำมาก ทั้งๆที่ตัวเม็ดอัลมอนด์เองมีคาร์บไม่น้อยเลย (50% ของโควต้าคาร์บคนคีโต) เพราะมันมีสาเหตุเดียวกันครับคือ

นมอัลมอนด์ทำจากอัลมอนด์ปริมาณที่น้อยมาก 

อันนี้เราย้อนสูตรจากระบบอุตสาหกรรม โดยผู้ผลิตเครื่องจักรนะครับ

กรณี Homemade อาจได้น้ำได้เนื้อได้ความเข้มข้นกว่านี้ และแน่นอน มันมาพร้อมกับคาร์บที่มากกว่าเช่นกัน

หรือจะพูดง่ายๆคือ แม้แต่นมอัลมอนด์ที่ใครต่อใครบอกว่า คีโตดื่มได้นั้น 

ตกอยู่ในสัจธรรมที่ว่า

ปริมาณ สำคัญกว่า ประเภท 

การดื่มนมอัลมอนด์ ก็เท่ากับ การกินเม็ดอัลมอนด์อย่างจำกัด”ปริมาณ” นั่นเอง

นี่เป็นแค่การแสดงความเห็นแบบหาเหตุผลมารองรับนะครับ ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริง 

แต่หลายๆครั้งคนชอบเชื่อในความเห็นนี่นะ อันนี้น่าจะเป็นความเห็นที่น่าเชื่อไหม บอกที ฮาๆๆๆๆ

#เนี่ยเฮียเอง #ก็มาดิคาร์บ #PirateKeto #ไม่ได้เรียนมา #siripun 

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม