คิดว่า การไม่กินของ 0 แคล 0 คาร์บ จะทำให้คุณรอดพ้นจากสารให้ความหวานทดแทนไหมครับ
โอเคบางคนอาจนึกถึง ไฮฟรุคโตสคอร์นไซรัป ซึ่งเป็นตัวพื้นฐานแล้วในยุคก่อน ไม่แปลกใจอะไร
แล้วถ้าผมถามถึงสารให้ความหวานที่มักมีข่าวที่ใช้ข้อมูลอิหยังวะ มานำเสนอหล่ะ เช่นพวก อิริท อะซิซัลเฟมเค ซูคราโลส หล่ะ หลายๆคนมั่นใจว่า ฉันไม่ซื้อของ 0แคลกินดังนั้นของพวกนี้ไม่ได้แอ้มฉันอยู่แล้ว น้ำตาลธรรมชาติดีกว่า ฉันกินน้ำตาลธรรมชาติ ดังนั้นฉันไม่กังวลเลยว่าฉันจะได้รับผลกระทบจากสารให้ความหวาน หรือ ที่เราเรียกบ้านๆว่า น้ำตาลเทียม
ผมบอกก่อนว่า ที่เขียนโพสนี้ ไม่ได้จะบอกว่า แบรนด์ไม่ดี ไม่ได้บอกว่าของพวกนี้ไม่ดี ไม่ได้บอกว่าหมกเม็ด ไม่ได้บอกหรือโน้มน้าวอะไรทั้งนั้น ไม่ได้เก่งกาจพอจะชี้สั่งได้ว่าอะไรกินได้กินไม่ได้ แบรนด์เขาแค่ผลิตสินค้ามาขายให้กับคนที่เป็นลูกค้าของเขา มันจบแค่นั้นไปแล้ว ส่วนใครจะซื้อหรือไม่ซื้ออะไร มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โอเคนะ เข้าใจแล้วเราไปต่อ . . .
แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากบริโภคสารให้ความหวาน ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย มันใส่ในเครื่องดื่มปกติธรรมดาที่คุณดื่มอยู่มานานแล้วครับ ถ้าตกใจลองดูในรูปได้
สิ่งเดียวที่ผมบอกได้คือ จะบอกว่า ช่วยอ่านฉลากก่อนรับประทานกันเสียทีได้ไหม จะได้ไม่มาน้อยใจกันภายหลัง
รูปทั้งหมดที่ลงไว้ในโพสนี้ เป็นรูปฉลากโภชนาการที่ถ่ายมาจากร้านสะดวกซื้อ เป็นรูปสินค้าที่
ไม่ได้ชูความแคลต่ำ
ไม่ได้ชูความน้ำตาลต่ำ
ไม่ได้ชูความเพื่อสุขภาพ
ไม่ได้เสนอความเป็นรสหวานทางเลือก
เป็นสินค้าขายปกติทั่วไป ชูรสชาติ ชูยี่ห้อ ชูอะไรที่เขาชูอยู่เป็นปกติ แต่เขาได้ลดทอนปริมาณน้ำตาล แล้วเติมสารให้ความหวานต่างๆ ตามแต่ที่ R&D แต่ละบริษัทจะปรุงสุตรตัวเองขึ้นมา
คำถามที่เราควรตั้งกับตัวเองเช่น เขาทำเพื่ออะไร, เรารู้มาก่อนไหม, สูตรนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สำคัญคือ ที่เคยมั่นใจมาก่อนหน้านี้ ยังมั่นใจอยู่ไหม ว่าเราไม่ได้บริโภคสารหวานทดแทนเหล่านี้
เรายังมั่นใจในอะไรที่เคยมั่นใจอยู่ไหม อย่างที่เคยพูดเสมอๆครับ เริ่มหัดอ่านฉลากโภชนาการได้แล้วหรือยัง#ฉลาก3รู้ มันสำคัญจริงๆนะครับ ไม่ได้เฉพาะเรื่องสุขภาพ มันไกลกว่านั้นครับ มันคือความรู้เท่าทันผู้ผลิต มันคือการปกป้องตัวเองของผู้บริโภค
ผู้ผลิตเล่นเกมส์นี้เสมอนะครับ เขาแจ้งให้ทราบไม่เคยหมกเม็ด เขาทำสิ่งที่ควรทำแล้วภายใต้ทั้งประกาศและกฎหมาย ถ้ารู้สึกตกใจ เสียใจ น้อยใจ เลิกโทษคนอื่น แล้วกลับมาดูตัวเองครับ ว่าคุณจะเล่นเกมส์นี้ยังไง คุณอยู่ในโลกแห่งการตักตวงผลประโยชน์จากความหวาน
ในรูปเหล่านี้คือการไปสำรวจร้านสะดวกซื้อ โดยหยิบเฉพาะตัวสินค้าที่ “ไม่ได้เน้น” 0คาร์บ0แคล หรือ น้ำตาลน้อย
เรียกได้ว่าหยิบเฉพาะตัวที่เป็นสินค้าปกติทั่วไปเลยครับ
**************** แถมคลิปข่าวครับ จริงๆเรื่องนี้นานแล้วนะครับ ไม่ได้เงียบๆด้วย ******************
//// สำหรับภาษีความหวาน ระยะที่ 3 ที่เริ่มเก็บตั้งแต่ 1 เมษายน 2566-31 มีนาคม 2568 มีอัตรา ดังนี้
ปริมาณน้ำตาล 0-6 กรัม คิดอัตราภาษี 0 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 0 บาทต่อลิตร
ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 0.3 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 0.1 บาทต่อลิตร
ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 0.3 บาทต่อลิตร
ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 1 บาทต่อลิตร
ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 3 บาทต่อลิตร
ปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 5 บาทต่อลิตร
“ภาษีความหวานจะมีการปรับขึ้นเป็นอัตราก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ 2 ปี ซึ่งระยะที่ 3 จะมีผล 1 เมษายนนี้แล้ว ถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับตัวในการผลิต โดยลดความหวานลงจะเสียภาษีเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องดื่มที่มีสารความหวาน 10-14 กรัมต่อลิตร จะเสียภาษีเพิ่มจาก 1 บาท เป็น 3 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ผลิตทยอยลดปริมาณน้ำตาลลงแล้ว ซึ่งจะไม่ทำให้มีภาระภาษีเพิ่มแต่อย่างใด” นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต กรมสรรพสามิต27 มีนาคม 2566 – ประชาชาติธุรกิจ
//////ลดน้ำตาล Save ลดต้นทุน
นายธนพันธุ์ คงนันทะ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยกตัวอย่างว่า
ชาเขียวขนาด 280 มล. ซึ่งมีน้ำตาล 6-8 กรัม/100 มล. หลัง 1 เม.ย. 2566 จะต้องเสียภาษีเพิ่มจาก 0.03 บาท/ขวด เป็น 0.08 บาท/ขวด
ส่วนขนาด 420 มล. ที่มีน้ำตาล 8-10 กรัม/มล. จะเสียภาษีเพิ่มจาก 0.13 บาท/ขวด เป็น 0.42 บาท/ขวด
ด้วยเหตุนี้การปรับสูตรเครื่องดื่มลดน้ำตาลลง จึงช่วยลดต้นทุนลงได้มาก เห็นได้จากช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 ที่การปรับสูตรลดน้ำตาลในชาเขียวอิชิตันรสน้ำผึ้งมะนาว ขนาด 280 มล.ลงเป็นต่ำกว่า 6 กรัม/100 มล. ทำให้ไม่เสียภาษีความหวานเลย เช่นเดียวกับขนาด 420 มล. ที่ปรับเป็น 6-8 กรัม/100 มล. ทำให้ไม่เสียภาษีเช่นกัน โดยการปรับสูตรนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 4 ปี 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22% ได้
**********************************