fbpx

แสงแดด วิตามิน D, A, K2-MK7 กับสุขภาพกระดูกและหลอดเลือด

ว่าด้วยเรื่องของ DAK2 นั้นเคยเขียนไว้นานแล้ว แต่จำได้ว่าเป็นกึ่งๆบทความบ่นๆ แต่ไม่ได้อธิบายเป็นภาษามนุษย์นักครับว่า ตกลงจะหมายถึงอะไรกันแน่ ด้วยวาระโอกาสจะจบปี 2024 เลยคิดว่า นำมาปิดท้ายเนื้อหาหนักๆช่วงปลายๆของ season3 นี้กันดีกว่า

แสงแดด ไม่ใช่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเสมอไป แม้ว่าหลายคนจะกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง แต่หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม แสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกลไกของวิตามิน D ในร่างกาย ซึ่งทำงานร่วมกับ วิตามิน A และ วิตามิน K2-MK7 เพื่อดูแลสุขภาพกระดูกและหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายแรง เช่น โรคกระดูกพรุนและหลอดเลือดอุดตันครับ บทความนี้จะอธิบายถึงกลไกการทำงานของวิตามินเหล่านี้กับร่างกาย เพื่อส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม ลดการสะสมแคลเซียมผิดที่ และสร้างความเข้าใจว่าความเสี่ยงจากการตากแดดนั้น ต่ำกว่าที่หลายคนเข้าใจนักครับ คือ ถ้าไม่ชอบตากก็ไม่ต้องอ้างอะไรอื่นครับ ลองพิจารณาสิ่งที่ผมจะเล่าให้นี้ก่อนว่าซื้อมั๊ย ผมพยายามจะรวบรัดให้สั้นๆนะครับ

หลักการที่ผมมโนออกมาเป็นคำสั้นๆว่า DAK2 ซึ่งผมมักจะเรียกว่า แดก หรือเต็มๆคือ ตากแดดแล้วแดกด้วย คือกิจกรรมตากแดดของเรานั้น จะส่งผลดีได้อีกด้านนึงด้วย ถ้าคุณได้รับวิตามินครบทั้ง DAK2 ครับ เพราะว่า

วิตามิน D เป็นรากฐานของการดูดซึมแคลเซียม

วิตามิน D เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมอย่างมีประสิทธิภาพและนำไปใช้อย่างเหมาะสม เมื่อผิวหนังได้รับรังสี UVB จากแสงแดด ร่างกายจะสังเคราะห์ วิตามิน D3 (cholecalciferol) วิตามิน D3 จะถูกเปลี่ยนเป็น calcidiol ในตับ และcalcitriol ที่ไต ซึ่งตรงนี้นะครับ มันจะถูกเปลี่ยนเป็น calcitriol รูปแบบที่ร่างกายนำไปใช้งานได้ ซึ่งเจ้า Calcitriol นี่แหละที่ ช่วยเพิ่มการดูดซึม แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส จากอาหารในลำไส้ ทำให้มีแร่ธาตุเพียงพอสำหรับการสร้างและบำรุงกระดูก

วิตามิน K2-MK7 รับบทผู้ควบคุมแคลเซียมในร่างกาย

วิตามิน K2 ตัวนี้สำคัญ หายากและขาดมากที่สุดครับ โดยเฉพาะในรูปแบบ MK7 (menaquinone-7) มีบทบาทสำคัญในการนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูกและป้องกันการสะสมในหลอดเลือด โดย K2 นั้นกระตุ้นโปรตีน osteocalcin ซึ่งทำหน้าที่ดึงแคลเซียมเข้าสู่กระดูก นอกจากนี้ K2 ยังช่วยกระตุ้น matrix Gla-protein (MGP) ซึ่งป้องกันการสะสมแคลเซียมไม่ให้ไปเกาะในหลอดเลือดแดงและเนื้อเยื่ออ่อน ดังนั้นการได้รับ K2 เพียงพอจึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอุดตัน

คำถามคือทำไมต้อง MK7???? นั่นเพราะ MK7 มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า K2 รูปแบบอื่น เนื่องจากมีการทำงานในร่างกายได้นานกว่าวิตามิน K2 ตัวอื่นๆก่อนจะถูกขับทิ้งออกไป จึงช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด

วิตามิน A ผู้สนับสนุนกระดูกและหลอดเลือด

วิตามิน A (ในรูป retinoic acid) ทำงานร่วมกับวิตามิน D และ K2 เพื่อช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของกระดูกและลดการสะสมแคลเซียมผิดที่ครับ โดยวิตามิน A จะกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) และช่วยปรับสมดุลของเซลล์สลายกระดูก (osteoclasts)ควบคุมการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูก รวมถึงมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด (endothelial cells) ให้แข็งแรง ช่วยลดการสะสมของคราบแคลเซียมในหลอดเลือด

เมื่อทำงานร่วมกับ วิตามิน K2 (ที่ป้องกันแคลเซียมสะสมในหลอดเลือด) จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอุดตัน แล้ววิตามิน A นั้นก็ยังช่วยเสริมสร้างเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงการสะสมของคราบแคลเซียม เมื่อร่างกายได้รับ วิตามิน A, D, และ K2 ร่วมกัน กระบวนการสร้างกระดูกและการสะสมแร่ธาตุในกระดูกจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อควรระวัง การได้รับวิตามิน A มากเกินไป (เกิน 10,000 IU/วัน) อาจขัดขวางการทำงานของวิตามิน D และเสี่ยงต่อการสูญเสียมวลกระดูก ดังนั้นควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่าพอคิดว่าดีแล้วจัดกันแบบไม่ยั้งนะครับ อันนี้อันตรายนะ

สรุปการทำงานร่วมกันของวิตามิน D, A, K2-MK7

วิตามิน D ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าสู่กระแสเลือด
วิตามิน K2-MK7 ช่วยนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูก และป้องกันการสะสมในหลอดเลือด
วิตามิน A ช่วยปรับสมดุลการเจริญเติบโตและการสลายกระดูก พร้อมเสริมความแข็งแรงของเยื่อบุหลอดเลือด

อาหารที่ช่วยเสริมวิตามิน D, A, K2-MK7 ปกติเราจะท่องๆกันว่า ในเนื้อวัวตับวัว มีครบเกือบทุกอย่าง เว้นวิตามิน K2 เรามาลองดูตัวอย่างอาหารอื่นๆกันบ้างครับ

  • วิตามิน D: ปลาแซลมอน, ปลาซาร์ดีน, น้ำมันตับปลา
  • วิตามิน A: ตับ, ไข่
  • วิตามิน K2-MK7: นัตโตะ (ถั่วหมักญี่ปุ่น), ชีส, ไข่ไก่จากไก่ที่เลี้ยงปล่อย ส่วนที่มีคนถามว่า กิมจิหล่ะ คือ กิมจิ มีปริมาณวิตามิน K2 จริงครับแต่โดยปกติจะอยู่ในรูปแบบ MK4 ไม่ใช่ MK7
  • แคลเซียม: นม, กระดูกอ่อนต่างๆ, น้ำซุปกระดูก. ตับ

ทีนี้พอเราเห็นภาพรวมแล้ว ก็ต้องบอกว่า จงเลิกมายาที่ต้องมานั่งท่องว่า ตากแดดเวลาไหนดีที่สุด เพราะคุณไม่ต้องไขว่คว้าหาอะไรที่ดีที่สุดเลยครับ คติของการตากแดดคือ ดีทุกเวลา เอาที่ว่าคุณไหวนั่นแหละ ไอ้ที่บอกว่าตากเช้าดีสุดนี่ ตากเช้าเท่านั้น เวลาอื่นห้ามตาก ตากแล้วจะเป็นมะเร็ง โคตรโม้ครับ อย่าเชื่อผมนะ คุณค่อยๆพิจารณา verify ไปทีละจุด ตากแค่เช้าจะได้อะไร ตากสะสมหลายๆเวลาได้อะไร แล้วประโยคที่ส่งต่อกันจังเลยว่า ตากแดดเช้ามันดีสุดจริงไหม

เลิกถามนะครับ ว่าตากเวลาไหนดีที่สุด
มัน out แล้ว

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม