fbpx

ผมได้รับการแนะนำซีรีย์นี้ จากกลุ่ม netflix thailand ตั้งแต่ก่อนจะออนแอร์ เลยทำให้ได้ดูตั้งแต่วันแรกที่ออนแอร์ในไทย ขอแสดงความรู้สึกที่ผมมองกับซีรีย์เรื่องนี้ครับ ซึ่งมันอาจเล่าเลยไปแตะเนื้อหาบ้าง แต่ผมพยายามจะน้อยที่สุดนะครับ ใครอยากได้รสชาติเต็มๆ อาจไปดูแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ครับ 

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการ draw คนที่มีปัญหาชีวิตที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าส่วนนึงของปัญหาคือ ปัญหาการเงิน พวกเขาถูกซื้อเวลาที่เหลืออยู่ โดยคน 8 คนนี้ต้องมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน และอยู่ในห้องคนละห้องคนละชั้นกัน โดยที่ไม่ได้บอกอะไรเลยนอกจากไกด์ไลน์เบื้องต้นเล็กน้อย ที่เหลือทุกคนต้องไปทำความเข้าใจเอาเอง โดยทุกคนจะได้รายได้ต่อนาที ในขณะที่เวลาในรายการจะนับถอยหลังลงเรื่อยๆแต่ก็มีการเพิ่มขึ้นของเวลา ด้วยเหตุผลบางอย่างเช่นกัน เป็นสมการที่ต้องสร้างความสมดุล รายได้แปรผันตามเวลาก็จริง แต่เวลาที่มีอยู่เมื่อคูณกับเวลาแล้วมันยังไม่เพียงพอสำหรับปัญหาทางการเงินของผู้เล่นบางคน การเพิ่มเวลาจึงเป็นความโหยหาของหลายๆคน ทีนี้จะทำยังไงถึงจะตอบสนองความต้องการของทั้ง 8 คน

โอเค เส้นเรื่อง มันอาจจะไม่ cool หรือ ชัดเจนจนเป็นหลักการณ์ เป็น documentary หรือ เป็นหนังสือศาสตร์อะไรให้มาเทิดทูน แต่ด้วยความที่มันเป็นสื่อ เอนเตอร์เทน เป็นงาน commercial art ชนิดนึง แน่นอนว่า ความสนุก บันเทิง การค้าพานิชย์ เป็นตัวนำ แต่ผมดันไปโฟกัสอะไรบางอย่าง

การก่อเกิดสังคม

ทุกคนในเกมส์เริ่มต้นจากห้องตัวเอง เรียนรู้กติกาเกี่ยวกับห้องตัวเอง เท่าที่คู่มือแจ้งไว้แบบหยาบๆ เมื่อออกมารวมตัวกันครั้งแรก ก็ทำความรู้จักกันบ้าง ไม่สนใจกันบ้าง ตามแต่ลักษณะนิสัยและสิ่งที่เคยประสบมาในชีวิต แปลกแยกปลีกตัวก็มีบ้าง แต่มวลรวม การเริ่มทำความรู้จักกันโดยไม่รู้ปูมหลังของกันและกัน มันเสมือนการก่อเกิดสังคมใหม่ๆ แต่ละคนยังคงคิดว่าล้วนมีความเป็นอยู่แบบเดียวกัน คือ ห้องเปล่าๆ ที่มีอินเตอร์คอมไว้ติดต่อกับส่วนกลาง เพื่อซื้อของที่จำเป็นด้วยรายได้ที่ทางเกมส์มีให้สะสมทุกชั่วโมง เมื่อทุกคนคิดว่าคนอื่นต่างมีความเป็นอยู่แบบเดียวกัน มีรายได้จากเกมส์เหมือนกัน และทึกทักเอาเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะมีกติกาตามที่พวกเขาเข้าใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การเริ่มสร้างสังคมจึงยังเป็นแบบอุดมคติ ประนีประนอม มีมารยาทให้กันและกัน เป็นโลกที่สวยงาม มีการแบ่งหน้าที่การทำงานต่างๆ แต่จริงๆแล้วสันดานดิบของมนุษย์ต้องหลังจากความสวยงามแรกเริ่มนี้ต่างหาก

ความเหลื่อมล้ำ

นี่เป็นองค์ประกอบหลักที่ชัดเจนอันดับแรก ที่เราจะได้ดูได้รู้สึก สัญลักษณ์ความสูงของชั้นทำให้ตัวละครและคนดูรู้สึกถึงว่าสูงของเลเวลชีวิต คนที่อยู่ชั้นสูงจึงรู้สึกสูงส่งกว่าคนอยู่ชั้นต่ำ ไม่ว่าจะขนาดของห้อง หรือ รายได้ต่อนาที ที่ทิ้งห่างชนชั้นต่ำแบบไม่ทิ้งฝุ่น  การได้มาของชั้นและห้องนั้นคือการสุ่มเลือกไพ่ด้วยตัวเอง ก่อนจะเข้ามาในสถานที่นี้ ไพ่หมายเลข 1-8 คือลำดับชั้น1 ถึงชั้น8 ซึ่งผู้เล่นเพิ่งจะมารู้ภายหลังที่ได้เข้าไปดูห้องของแต่ละคน ชั้น8 ได้รายได้ต่อชั่วโมงสูงสุด ขนาดห้องใหญ่ที่สุด อยู่ชั้นบนสุด ในขณะที่ชั้น 1 มีรายได้ต่อชั่วโมงต่ำสุด ขนาดห้องเล็กสุด เล็กขนาดแค่หมุนตัวรอบ อยู่ชั้นล่างสุด อีกทั้งทุกชั้นจะมีลิฟท์ส่งของร่วมกัน แต่ลิฟท์นั้นจะสามารถส่งของลงมาเท่านั้น ไม่สามารถส่งขึ้นได้

เมื่อทุกคนรับรู้ถึงห้องและรายได้ของแต่ละชั้นจากการเยี่ยมชมห้องของแต่ละคนแล้ว ก็เริ่มรู้สึกถึงโชคชะตา แต่นี่คือ โชคที่เกิดมาแบบเลือกไม่ได้ ชั้น8 เกิดมาพร้อมระดับสูงส่ง รายได้มหาศาล ในขณะที่ชั้น 1 เกิดมาพร้อมความอัตคัต รายได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน  เหมือนคนคาบช้อนเงินช้อนทองออกมา ไปจนถึง คนที่เกิดมาในครอบครัวยากจน ระหว่างเกมส์จึงเกิดสิ่งที่เราเห็นได้ในสังคมชีวิตจริง นั่นคือการกดขี่ชนชั้นล่างโดยชนชั้นบน และการวางตัวของชนชั้นกลาง นอกจากนี้ผู้เล่นที่อยู่ชั้น 1 เป็นคนที่ขาบาดเจ็บข้างนึง แทนภาพของคนพิการ ที่จะต้องจำยอมทุกสภาวะจากสังคม

เวลาคือสิ่งมีค่า

นาฬิกายักษ์ที่ตั้งตรงห้องโถงกลาง นับถอยหลังเสมอ ผู้เล่นทุกคนต้องค้นหาคำตอบกันเอง ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ จากสิ่งแรกที่รู้ตั้งแต่แรกคือ รายได้ทุกชั่วโมงในจำนวนเงินที่แน่นอน เมื่อประกอบกับนาฬิกาโถงกลางที่นับถอยหลัง จึงเกิดการคำนวนว่า ถ้าหมดเวลาแล้วจะได้เงินเท่าไร จนกระทั่ง พวกเขาค้นพบว่า มีการเพิ่มขึ้นของเวลาได้ในที่นี้ ถ้าพวกเขาทำสิ่งที่ถูกใจ “บางคน” นาฬิกาจะมีการเพิ่มเวลาขึ้น นั่นหมายถึงว่า พวกเขาต้องคิดแล้วว่าจะทำอะไรให้ “บางคน” ถูกใจมากๆ เพื่อจะได้เพิ่มเวลามากๆ จึงเริ่มมีการทำทุกวิถีทางให้เวลาได้เพิ่มขึ้น เกมส์จึงเริ่มจากการแสดงสนุกสนาน ตลกขบขัน ไปจนถึงเรื่องทางเพศ และความรุนแรง หักหลัง กดขี่ ทำร้าย ในที่สุด อย่างที่คนชั้น 8 ได้บอกไว้ กิจกรรมได้ทำตามการกระตุ้นต่างๆของมนุษย์เท่าที่จะมีได้  

จนต้องเพิ่มความเร้าใจแบบดิ่งลึกลงสู่สิ่งที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่มนุษย์จะกระทำต่อกัน เพื่อได้มาซึ่งเวลา

แม้ว่า เวลาที่แต่ละคนต้องการจะไม่เหมือนกัน บางคนต้องการเวลาที่เมื่อคูณรายได้แล้ว จะสามารถนำไปแก้ปัญหาการเงินหลังจากออกไปได้ บางคนต้องการเวลาตามเป้าหมายในจำนวนเงินที่ต้องการ เพื่ออะไรบางอย่าง และบางคนต้องการเวลาเพียงเพื่อที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไป เพื่อเหตุผลบางอย่าง ซึ่งการผูกเหตุผล ความต้องการ กับ key message ในเรื่องนี้ สามารถผูกได้อย่างสนุกและลุ้นระทึก

เงินเฟ้อ

รายได้ต่อนาทีในเกมส์ สูงมากจนเรียกว่าไม่สามารถหาที่ไหนได้จากโลกภายนอกนั้น แต่เกมส์ได้ส่งมอบสภาวะค่าครองชีพที่สูงโด่งมาให้ด้วย เรียกว่ารายได้มหาศาลในเกมส์ หากต้องซื้อของก็ต้องแลกมาด้วยค่าครองชีพที่สูงกว่าภายนอกถึง 100 เท่าเช่นกัน 

นั่นทำให้แต่ละคนไม่ต้องการใช้เงิน เลือกการเก็บออมด้วยหวังว่าจะแก้ปัญหาชีวิตได้ โดยเฉพาะชนชั้นล่าง แต่ขณะเดียวกัน ชนชั้นบน ซึ่งมีรายได้ต่อชั่วโมงสูงจนหลุดกรอบ ก็ยิ่งสนุกสนานกับการจับจ่ายสารพัดสิ่งในเกมส์โดยไม่ต้องกังวลอะไร

การควบคุม กดขี่

ความแตกต่างของชนชั้นบนและชนชั้นล่าง มีมากจนสามารถสร้างอิทธิพลในการควบคุมกันได้ จนเกิดการแบ่งเป็น 2 ชนชั้น ได้แก่ ชนชั้นสูง (5-8) และชนชั้นล่าง (1-4) ด้วยรายได้มหาศาลจนรวมตัวกันเป็นชนชั้นปกครอง ให้ชนชั้นล่างทำงานแลกเวลา กำหนดทิศทางของกิจกรรมและบทลงโทษหากไม่ปฎิบัติตาม(ร่างกฎหมาย) ซึ่งรุนแรงขึ้นจากอุปกรณ์ที่ซื้อได้ด้วยเงินมหาศาลนั้นๆ เพื่อจะทำให้คนดูชื่นชอบ และให้เวลาเพิ่มขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อบทลงโทษต้องมาตกอยู่ที่ชนชั้นสูง ก็สามารถยกเลิกไปได้อย่างดื้อๆนั่นคือไม่ต้องรับโทษ

ในเรื่องมีการส่งสัญญาณตั้งแต่ตอนเริ่มต้น EP แรกๆ จากสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เกมส์จะมีให้นั้นจะมีเพียงอาหารจำกัดจำนวนกล่อง กติกาที่บอกว่า ลิฟท์ที่ส่งของจะทำได้เพียงการส่งจากบนลงล่างเท่านั้น อาหารและน้ำขวดเริ่มต้นที่ชั้น 8 และมีเพียง 12 ชุด จากโลกแห่งความเสมอภาคด้วยกติกาที่ตั้งร่วมกันว่า ได้รับคนละ 1 ชุด แล้วอีก 4 ชุดที่เหลือมอบให้กับห้องที่ทำงานหนักที่สุดในวันนั้นๆ 

แต่ชนชั้นสูง ก็เริ่มท้าทายควบคุมด้วยการไม่ส่งอาหารลงมา จนทำให้ชนชั้นล่างเกิดความหวาดกลัวว่า ชนชั้นสูงจะไม่ส่งอาหารและน้ำลงมาให้อีก กลายเป็นว่า อาหารและน้ำที่พึงได้ตามสิทธิ์(ที่คิดเอง) ไปอยู่บนพื้นฐานความเมตตาของชนชั้นบนที่มีต่อชนชั้นล่างโดยปริยาย

นอกจากนั้นของเสียจากการขับถ่าย ก็ยังถูกส่งลงมาให้คนชั้นล่างเป็นคนเก็บรับเอาไว้ อาศัยหลับนอนกับสิ่งนั้น ด้วยสภาพจำยอม แม้จะห้องเล็กขนาดหมุนตัว แต่ก็ต้องรับสิ่งปฎิกูลเหล่านี้และใช้ชีวิตไปกับมัน ในขณะที่ชนชั้นสูง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สั่งซื้อทุกอย่างได้ตามต้องการ

การปฎิวัติ

แน่นอนว่า การถูกกดขี่ข่มเหง ควบคุมบงการ กิจกรรมและบทลงโทษ ที่สร้างความบาดเจ็บ เพื่อแลกกับเวลา โดยชนชั้นสูงไม่ต้องโดนลงโทษใดๆ ทำให้ชนชั้นล่างต้องวางแผนปฎิวัติยึดอำนาจ แน่นอนที่สุดว่า ต่อให้ทำได้ก็จะสำเร็จเพียงชั่วคราว ในท้ายที่สุดชนชั้นสูง คือผู้ที่ควบคุมสังคมนี้อยู่เสมอ ชัยชนะที่ชนชั้นล่างได้มาเป็นความสุขเพียงชั่วคราวเสมอ เพราะมนุษย์เรา เมื่อได้ชัยชนะแล้ว อำนาจในมือจะทำให้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาในที่สุด และนั่นทำให้ชนชั้นสูงกลับมาควบคุมสังคมอีกครั้ง ซีรีย์ยังตอกย้ำให้เห็นด้วยว่า ต่อให้ชนชั้นล่างมีเงินมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถอัพเกรดตัวเอง ไปเป็นชนชั้นสูงได้ เพราะจะเจอกติกาซ้อนกติกา อย่างไม่สิ้นสุด จนชนชั้นล่างหมดกำลังไปเอง

อำนาจที่แท้จริง

ซีรีย์แสดงให้เห็นถึงอำนาจ เงินตรา ชนชั้น ความเหลื่อมล้ำ การเลือกความเป็นอยู่ชีวิตระหว่างการยอมจำนนและการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ เราอาจมองว่า นี่คือเกมส์ที่ชนชั้นสูงได้เปรียบ เงินที่ได้อำนาจที่มี คือพลังแห่งการควบคุมทุกสรรพสิ่งบนโลกนั้น 

แต่ถ้าเราขยับมองให้ถอยออกจากนั้นอีกขั้นนึง จะพบว่าทุกคนล้วนตกภายใต้อำนาจที่พวกเขาเลือกไม่ได้ อำนาจที่เขาไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มาจากการกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าจะสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆที่อยู่ อาหาร รายได้ ภาวะเงินเฟ้อ และแม้แต่รางวัล โดยใช้ เวลา ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดมาเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิต

คนที่กุมทุกอย่างที่กล่าวมานี้ต่างหาก คือ ผู้มีอำนาจที่แท้จริง ที่แม้แต่ชนชั้น 8 ก็ไม่สามารถต้านทานใดๆได้ ต่อให้มีรายได้มหาศาลเท่าไร ก็ต้องจำนนกับอัตราเงินเฟ้อและกติกาต่างๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยไม่มีการโต้แย้ง ต้องยอมรับปฎิบัติตามเท่านั้น

หนังสือ never ending story เรียกสิ่งนี้ว่า เจ้าความว่างเปล่า

ในซีรีย์นี้ เราเรียกกลุ่มพลังอำนาจเหล่านี้ว่า

คนดู 

คนที่กำลังดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น คนที่ดูเกมส์นี้อย่างสนุกสนานโดยไม่ต้องลงไปเล่นเอง คนที่อยู่เหนือเกมส์ คนที่กดไลค์ให้เวลา ที่มีรายได้สูงกว่าชนชั้น 8 หลายเท่า จนส่งมาเป็นรายได้ให้โลกใบนี้ได้อย่างต้องการ

คนดูพวกนี้ต่างหาก ที่กำหนดสังคมใบนี้อยู่ โดยที่คนในนั้นไม่มีสิทธิ์ใดๆ นอกจากทำตาม

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม