อาหารธรรมชาติ คือ สิ่งที่ทุกคนโหยหา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธรรมชาติของเราอาจไม่เท่ากัน
ธรรมชาติสำหรับหลายๆคนคือ not chemฯ (ไม่เคมี)
ธรรมชาติสำหรับอีกหลายๆคนคือ ธรรมชาติ อ่ะ ธรรมชาตตตตตตตตติ
ถ้าให้นึกภาพนะครับ เราจะคุ้นหูกับเพลงโฆษณาว่า “อายิโนโมะโต๊ะ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ตึ๊ง”
เริ่มนึกออกใช่ไหมครับ คำที่ใช้ในงานโฆษณา
โฆษณาชวนเชื่อ ภาษาไทยมันก็ตรงๆแล้วครับ คำว่าว่า โฆษณา เป็นคำที่มาจากภาษาบาลีว่า โฆสณา (อ่านว่า โค-สะ-นา) แปลว่า ป่าวร้อง แจ้งให้ทราบ ดังนั้น โฆษณาชวนเชื่อ ก็คือ การป่าวร้อง ป่าวประกาศ ชวนให้เราเชื่อ นั่นเอง
ดังนั้นการรับสารจากโฆษณาชวนเชื่อ ยิ่งต้องใช้หลักกาลามสูตร ในการไตร่ตรอง เพราะฝั่งที่สื่อสารออกมา มีเป้าหมายที่จะให้เราเชื่อให้ได้ เพื่อที่จะไปซื้อสินค้าหรือบริการ มันเป็นเกมส์แห่งการรู้ทันกันครับ เราจึงได้เห็นสารพัดกลยุทธ์ในการชวนเชื่อ ไมว่าจะ แก้ painpoint, การทำเหมือนพวกเดียวกันเข้าอกเข้าใจกัน, การสื่อในด้านที่สวยงาม หรือแม้แต่ การขู่ให้กลัว ก็ยังมี เราจะเลือกเป็นสมันให้เขาเคี้ยวหรือจะเป็นเสือที่อยู่คนละฝูงแต่เขี้ยวเล็บพอๆกัน เลือกเองครับ
ส่วนธรรมชาติ ที่ผมหมายถึงนั่นคือ natural ครับ ดื้อๆดุ้นๆเลย จากผล จากต้น จากตัว ตัดมาทำอะไรก็ว่ากันไป เราเรียกแบบโง่ๆง่ายๆว่า less processed หรือ ผ่านกระบวนการให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เด็ดมากิน เฉือนมาย่าง ตากให้แห้งเอาเกล็ด(เช่นเกลือทะเล)
เราอาจงงกับคำว่า อาหารผ่านกระบวนการหรือ processed food ซึ่งจริงๆในรายละเอียดมันมีแยกย่อยครับ ตั้งแต่ cooking ไปจนถึง ultra processed food มันมีลำดับขั้นของมันตามความหนักหน่วงในกระบวนการ จุดนี้คนที่เคยเถียงกันว่า การปรุงอาหารก็คือการผ่านกระบวนการไม่ใช่เหรอ แล้วเราควรกินอาหารปรุงเหรอ ทำไมไม่กินเนื้อดิบไปเลย ถึงจุดนี้พอจะได้คำตอบนะครับ ว่าเราไม่ได้เถรตรงขนาดคอมพิวเตอร์ 0 1 0 1 1 0 0 0 1 1 อะไรแบบนั้น เราอยู่บนพื้นฐานชีวะ จึงใช้คำว่า less processed ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะต้องอย่าลืมว่า ในอีกมุมหนึ่งความสุกของหลายๆอย่าง มันช่วยให้เราดูดซึมแร่ธาตุได้ดีกว่า แต่ขณะเดียวกันความร้อนก็ทำลายวิตามินไปมากเช่นกัน balance the force LUKE
ดังนั้นที่เราต้องพึงระวัง และ สังวรณ์เอาไว้คือ พวกที่ processed หนักๆ เช่น นมพืชต่างๆ เช่นโอ้ต เขาไม่ได้แค่แช่น้ำปั่นแบบบ้านๆ แต่มีกระบวนการทางเอนไซม์(เอนไซม์เคมี) ในการย่อย ปรุง และเติมวิตามินผง ซึ่งวิตามินผง ก็ inception เข้าไปอีกชั้น เพราะการได้แร่ธาตุวิตามินผงๆ มันก็ต้อง ultra processed หรือบางทีก็ต้องใช้เคมีผลิตขึ้นมา ทำให้เรา บริโภคสิ่งนั้นๆมากขึ้นไป เอาตามตรงเรากินโอ๊ตแห้งๆได้ไม่เท่าไร แต่พอมันทำเป็นนมแก้วนึง มันมาจากโอ้ตแห่งปริมาณมากกว่าที่เรากินแห้งๆเยอะมาก และการ more consume นี่แหละตัวหายนะในการกินอาหารเกินใช้งาน จนสะสมและเกิดโรค NCD ในที่สุด (หนึ่งในหลายปัจจัย)
เอาแบบชัดกว่านั้น ชาวคีโต ก็คือ แป้งอัลมอนด์ อันนี้ processed กลางไปค่อนหนัก คือการ meal หรือ ground หมายถึงการบดให้ละเอียดเป็นผงเล็กๆ ดังนั้นเค้กคีโต เค้กที่ทำจากผงอัลมอนด์ มันสามารถทำให้เรากินอัลมอนด์ได้มากกว่าปกติเยอะเลย อย่างถ้าเป็นเม็ดๆเราอาจเคี้ยวสัก 10 20 เม็ดก็เมื่อยปาก เพราะธรรมชาติมันปกป้องตัวเองมาแบบนั้น แต่พอเราไป processed มันหนักๆเข้า พอมันกลายเป็นเค้ก เป็นขนม จะยิ่งกินอร่อย กินมาก แล้วโพรไฟล์ของอัลมอนด์คือ คาร์บ9ต่อ100กรัม ก็จะทำให้เราคาร์บเกินไปได้ง่ายๆ รวมถึงอัลมอนด์มีโอเมก้า 6 สูงพอสมควร ก็ก่อการอักเสบได้ง่ายๆ
หรืออย่างสายคลีน สายปั่น จะพบกว่า การปั่นพืชนั้น ไฟเบอร์สายยาวได้กระจุยไปพร้อมกับใบมีดเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเหลือได้แค่ แร่ธาตุ วิตามิน จากพืช จากผลไม้ (ที่การดูดซึมเข้าร่างจริงๆเท่าไหร่นี่ อีกเรื่องแล้วไม่พูดในโพสนี้) ที่เรารู้กันแน่ๆคือ ถ้าหวังไฟเบอร์จากการกินผักผลไม้ปั่น มันคือไม่ได้ตามนั้นแน่ๆแล้ว
กลับมาเข้าเรื่องของเราครับ เทคนิคง่ายๆในการ “เอ๊ะ” ก่อนเลยคือคีย์เวิร์ด (keyword) ที่มักมีการใช้กัน มักจะไม่พ้นคำว่า
ผลิตจากธรรมชาติ
สกัดจากธรรมชาติ
มีส่วนผสมของ
ได้ xxx จาก
ในหมวดนี้จะค่อนข้างชัดเจนครับ จากนิยามของธรรมชาติที่เราตั้งไว้ ผลิตจาก สกัดจาก มีส่วนของ ได้จาก มันหลุดโผของเราไปเรียบร้อย คำว่า “จาก” ในทีนี้ถ้าเราจะเห็นภาพขึ้นให้เปลี่ยนเป็นคำว่า “ออกจาก” เราจะมองชัดขึ้นเลยว่า ทำไมผมถึงบอกว่ามันไม่ธรรมชาติ
ผลิตออกจากธรรมชาติ, สกัดออกจากธรรมชาติ, ได้ xx ออกมาจากธรรมชาติ
ถ้าศัพท์อาชัยคือ เต็มฟอร์ม ก็ต้องบอกว่า ธรรมชาติที่เต็มฟอร์ม คือธรรมชาติ ไปแยกออกมาบางส่วนมันก็ไม่ธรรมชาติ แล้วสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาปกป้องเรามันก็สลายออกไป กระบวนการข้างบนนี้เลยไม่ได้เป็นธรรมชาติแท้ๆสักทีเดียว
ยกตัวอย่าง วุ้นเส้น ที่เราเพิ่งคุยกันไป วุ้นเส้นใช้คำว่า วุ้นเส้นถั่วเขียว ดูดีๆนะครับ วุ้นเส้น ถั่วเขียว คือ วุ้นที่เป็นเส้นๆ ส่วนคำว่าถั่วเขียว หมายถึงต้นตอ เขาไม่ได้บอกเราว่า ผลิตจากถั่วเขียว แต่บอกว่าใช้ถั่วเขียว เรากันเองที่บอกต่อๆกันว่า วุ้นเส้นทำจากถั่วเขียว ให้นึกถึง คำว่าน้ำมันถั่วเหลือง จะเข้าใจได้ชัดขึ้น ดังนั้นการที่วุ้นเส้น ทำมาจาก starch ล้วนๆ โดยการนำถั่วเขียวมาทำ starch หรือการสกัดคาร์โบไฮเดรตออกมาจากถั่วเขียว มันจะช่วยให้เราเห็นภาพชึ้นว่า ทำไมวุ้นเส้นไม่ใช่อาหารธรรมชาติ แต่เป็นการซัดคาร์บเพียวๆ เผลอๆหนักกว่าขนมปังสไลด์ โพรไฟล์ของโปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน จึงหดหายไปจนเกือบจะไม่มีเหลือเลย ได้เป็นคาร์บล้วนๆ
หรือชัดๆในยุคนี้ก็ต้อง น้ำตาลหล่อฮั้งก้วย
อันนี้ชัดมากทับซ้อนกันเป็นหอไอเฟล เริ่มจาก หล่อฮั้งก้วย เขาจะบอกว่า “สกัดจากผลหล่อฮั้งก้วย ได้สุขภาพ เป็นยาอายุวัฒนะ” อืมมมมมม หล่อฮั้งก้วยมีคุณสมบัติเป็นสมุนไพรเย็นชนิดนึง กินด้วยการต้มผล แต่ “การสกัดความหวานออกจากธรรมชาติหล่อฮั้งก้วย” คือ การดึงเอาแค่โมโกรไซด์ ซึ่งเป็นสารก่อเกิดความหวานยิ่งยวด ตระกูลเดียวกับที่มีในหญ้าหวาน เอามาแค่ความหวานของหล่อฮั้งก้วย แล้วจะเอาอะไรไปยาอายุวัฒนะ นี่คือการสกัดออกจากธรรมชาติ
อีกทั้งในห่อนั้นๆ มันมีสารโมโกรไซด์อยู่แค่นิดเดียว ที่เหลือเป็น อิริททริทอล รวมๆ 95-97% แล้วแต่ยี่ห้อ ไม่ต้องมาแข่งกันน้อย เพราะสูตรใช้เทียบเคียงน้ำตาล 1:1 มันประมาณนี้ ใครบอกว่าตัวเองมีอิริทแค่ 50% การันตีได้ว่าที่เหลือไม่ใช่ โมโกรไซด์ 50% เพราะมันใช้เทียบเคียงน้ำตาลแท้ 1:1 ไม่ได้ครับ หวานเหี้ยๆ นึกภาพออกใช่ไหมครับ ว่าทำไมเราย้อนสูตรหาโมโกรไซด์ได้ง่ายๆเลย เพราะมันมีอัตราส่วนการใช้งานที่ต้องสะดวกเป็นตัวค้ำคอ
ที่บอกว่าน้ำตาลหล่อฮั้งก้วย มีความทับซ้อนคือ ฉลาก ใช้เทคนิคเทียบเคียงเพื่ออ้างอิงคุณสมบัติคุณประโยชน์ หมายถึง
ที่ห่อจะชูประโยชน์ของหล่อฮั้งก้วย ว่าเป็นยา ลดความอ้วน ลดความดัน ลดเบาหวาน ดีต่อสุขภาพ เป็นสมุนไพรจีนหลายร้อยปี บลา บลา บลา เหมือนเล่านิทานว่าหล่อฮั้งก้วยดียังไง แต่ที่ใส่ในห่อมันไม่ใช่ตัวยาที่มีคุณสมบัตินั้นๆที่กล่าวมา มีแค่ความหวาน ที่โอเค ไม่กระชากอินซุลินให้สูงนานๆ เพราะมันไม่ใช่ กลูโคส ซูโครส นั่นเอง
นอกจากนั้น ตัวอิริททริทอลเอง ก็ไม่ใช่เล่นๆครับ ตามในเนทหรือตามคำอธิบาย เขาจะบอกว่า อิริททริทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์เกิดจากธรรมชาติการหมักผลไม้ต่างๆ แต่ผงๆในโรงงานที่ใส่ในห่อในกระสอบนั้น ผลิตจากคาร์โบไฮเดรตที่สกัดออกมาจากข้าวโพด (corn starch) แล้วผ่านกระบวนการทางเคมิคอลเอนไซม์เพื่อให้เกิดน้ำตาลแอลกอฮอล์ เพื่อให้ได้โมเลกุลเดียวกับ อิริททริทอล ซึ่งบางคนอาจบอกว่ามันก็โมเลกุลเดียวกัน อันนี้ผมก็คงได้แต่บอกว่า เอาที่สบายใจครับ ผมไม่ได้ห้ามกิน ผมแค่บอกวิธีการผลิต เพราะมันไม่ใช่ natural มันเรียกว่า synthetic
น้ำตาลหล่อฮั้งก้วย จึงไม่ใช่ natural ตามที่เราเข้าใจ มันเป็น “synthetic อิริททริทอล + โมโกรไซด์” ในสัดส่วนอิริททริทอลมากกว่า 95% ทำให้คุณสมบัติทางยา ทางธรรมชาติ ที่หีบห่อนั้นไม่ได้หมายถึงตัวสินค้า แต่หมายถึงที่มาของสินค้า ในส่วนของการไม่กระชากอินซุลินให้สูงค้างนาน อันนั้นถูกต้อง เพราะของมันไม่ได้มีคุณสมบัตินั้น ส่วนการบรรเทาอาการเบาหวาน มันก็มีโอกาสเป้นไปได้เพราะเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ไม่มีน้ำตาลสะสม ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่สามารถเป็นเช่นนั้นได้
สิ่งที่เราคุยกันวันนี้ไม่ได้บอกว่าอะไรดีหรือแย่ เพียงแค่ให้เราตระหนักและรู้เท่าทันฉลาก ว่าภาษาที่ใช้อาจทำให้เราเข้าใจไปเองได้ในบางอย่าง ดังนั้น ในส่วนของผู้ที่ต้องการหาความเป็นธรรมชาติ ก็จะได้เข้าใจมากขึ้นว่า สิ่งที่เคยสัมผัสมาอะไรบ้างที่เป็นธรรมชาติ อะไรที่เข้าใจไปเองว่าเป็นธรรมชาติ
ส่วนอะไรดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ ก็ต้องไปพิจารณากันเองต่อไป เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยโดยเฉพาะเรื่อง ultra processed food และการ over consume