เคยสงสัยไหมว่าคุมอาหารแทบแย่ ไขมันไม่แตะ แป้งก็ไม่ขัดสี บางคนประกาศสงครามกับเบเกอรี่ไปเลย (น้ำลายย้อยทุกทีที่เห็น แต่กินไม่ได้ ทรมานขั้นสุดใช่มั๊ย) กินแต่ผักผลไม้ ทำยังไงก็ยังไม่ผอมซะที ต้อแต้ไปตามๆ กัน
อ๊ะๆ…อ้วนกับบวมไม่เหมือนกันนะ อ้วนที่เราพูดถึงคือจ้ำม่ำเพราะไขมันสะสม ไม่ใช่บวมอืดน้ำที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของฮอร์โมน หรือโรคอื่นๆ ในกรณีหลัง แนะนำให้ไปหาขุ่นหมอเพื่อรักษาด่วนๆ
แล้วเราอ้วนเพราะอะไร
เริ่มจากที่เราหยิบอาหารเข้าปาก โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต (พวกข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน) อาหารจะถูกย่อยไปเป็นน้ำตาลโมเลกุลจิ๋วเรียกว่า “กลูโคส” เจ้ากลูโคสจะถูกส่งไปหล่อเลี้ยงตามอณูต่างๆ ของร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงาน ถ้าเรากินเยอะ กลูโคสก็เยอะตามไปด้วย พลังงานส่วนที่เหลือใช้จะถูกลำเลียงไปสะสมไว้ตามกล้ามเนื้อและตับ (ภาษาหมอเรียกสิ่งที่สะสมพวกนี้ว่าไกลโคเจน) ยิ่งเราขยันสะสมมาก ไม่เคยถอนออกมาใช้งาน เนื้อตัวเราก็จะรวยไกลโคเจนและไขมัน ส่งผลให้ร่างดูอวบอิ่มขึ้นผิดหูผิดตาในระยะเวลาไม่นาน…ฟันธง!!
กลับกัน ถ้าลองลดการกินโดยเฉพาะคาร์บลงเหลือนิดเดียว ปริมาณกลูโคสก็จะมีน้อยไม่พอให้ใช้งาน ร่างกายจะหันไปใช้แหล่งพลังงานขุมที่สองที่มีอยู่มหาศาล แหล่งที่ว่าก็คือไกลโคเจนและไขมันที่เก็บไว้ในกล้ามเนื้อและตับตลอดมา ไขมันจะทยอยถูกเชิญออกมาใช้งาน ทำให้ปริมาณไขมันที่สะสมค่อยๆ ลดลง แล้วร่างกายก็จะค่อยๆ ผอมเพรียวขึ้น ลีนขึ้น 💪
ภาวะที่ร่างกายหันมาใช้ไขมันแทนกลูโคส เราเรียกว่าภาวะ “คีโตสิส” (Ketosis) และเป็นที่มาของชื่อการไดเอทแบบ “คีโตเจนิค” หรือ “คีโต” นี่เอง
คีโตเจนิคคืออะไรน้านนนน ไว้เราจะเล่าให้ฟังใน Episode 3 นะ 😎