สตอรี่ ชีสเค้ก (Story Cheesecake) : ep1 เกริ่นนำ …
ว่ากันตามตรงอายุของ เจแปนนิสชีสเค้ก สูตรที่ เอ๋ เผยแพร่เอาไว้นั้นมันนานมากกก ก.ไก่ล้านตัว ทุกวันนี้สูตรก็แพร่ออกไปกว้างขวาง และยังคงมีเพื่อนๆเข้ามาถามหลังไมค์มากมาย บ้างก็ส่งการบ้าน บ้างก็มีจุดอยากจะแชร์ไอเดีย เรียกได้ว่าเกิดมิตรภาพล้นเหลือจากสิ่งนี้ พูดทีก็อดหวนนึกถึงเมื่อวันแรกของคีโตไม่ได้เลยสินะ จากการนั่งสนทนาของทีมแอดมินระยะห่าง 2 เมตรช่วงรอเค้กอบในเตา ทำให้เราคิดว่าน่าจะลำดับความมาเล่าสู่กันฟัง บ้างอย่างน้อยๆก็บันทึกเอาไว้ตอนแก่จะได้ไม่ลืม (ตอนนี้ยังไม่แก่???) เอ๋บอก เอ๋ไม่เขียน คนที่เหลือไปช่วยกันเขียนแล้วกัน เล่าให้ฟังหมดแล้ว คิวชีสเค้กจุกอยู่ ทำไม่ทัน เอาวะ ปากกาตกอยู่ในมือคนที่เหลือเลยช่วยกันระดมออกมา เชิญทรรศนา….
เมื่อประมาณเกือบสามปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นยุคเริ่มต้นของการกินคีโตแบบครึกครื้นในประเทศไทย เป็นห้วงเวลาแห่งการช่วยกันค้นคว้าแบ่งปันเรื่องราวทางวิชาการอย่างสนุกสนาน ใครเจอข้อมูลอะไรก็นำมาแปลสรุปแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟัง คนโน้นทีคนนี้ที ไม่ว่าจะเกลือแร่ที่จำเป็น อะไรคือคีโตฟลู วิธีแก้ไขอาการต่างๆ รวมถึงวัตถุดิบต่างๆสำหรับการประกอบอาหารและขนมให้อยู่ในกติกาของคีโต โดยอิงการกินคีโตแบบต่างประเทศเป็นหลัก เพราะยังไม่มีกลุ่มคีโตไทยมากมายอย่างทุกวันนี้
ขนมคีโต ก็เป็นอีกความสนุกสนานที่เราเริ่มทำกันในตอนนั้น ทำกันอย่างอัตคัด ด้วยวัตถุดิบที่ยังไม่มีให้เลือกมากมายเช่นทุกวันนี้ ถ้านึกภาพไม่ออกสามารถบอกได้ว่า สมัยนั้นสารให้ความหวานยังมีแค่ อีควลน้ำตาล(สตีเวีย) ตัวเดียวถ้วนๆ เพราะยังไม่มีใครทราบว่า อิริท หาซื้อได้ที่ไหนของพวกนี้มันดูเป็นเคมีมากๆจน Home Bake สำหรับทานกันเองอย่างพวกเราคิดว่า เอื้อมไม่ถึง รวมถึงยังไม่มีตลาดคีโตใดๆบนประเทศสยามนี้มาอำนวยความสะดวกเช่นทุกวันนี้ (จึงทำให้คนทำขนมรุ่นแรกๆจะทำขนมออกมาไม่หวาน และก็ยังคงทำไม่หวานมาถึงวันนี้ เพราะเรายังกลัวที่จะติดหวาน)
บรรยากาศสมัยนั้นจึงเป็นการทดลองทำ ลองผิดมากกว่าลองถูก ทำทิ้งทำขว้างจนหมาแมวอวบอ้วนกันเป็นแถว (ล้อเล่งงงง) จากนั้นเมื่อสูตรนิ่งสำเร็จ ทำแล้วทานได้แน่ๆก็จะเริ่มแจกจ่ายในกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวกันเล็กๆ ในตอนนั้น ใครเอาไปทำต่อก็มีการกลับมาส่งการบ้านบ้าง ทำไม่สำเร็จกลับมาถามบ้าง เอามาโพสรูปเฟลกันให้ขำขันกันตัวโยน เป็นช่วงเวลาที่น่าเบิกบานใจเสียเหลือเกินในตอนนั้น
นอกเหนือจากการแบ่งปันสูตรแล้วยังมีการแบ่งปันตัวของด้วยเช่นกัน ใครทำอะไรสำเร็จฝีมือเริ่มนิ่งก็จะมีการส่งให้กันชิมใช้ ไม่มีช้อป ช่วยกันคอมเมนท์ช่วยกันปรับสูตร วัตถุดิบที่แสนหายากหากเกิดมีการลดราคาเรียกได้ว่า ซื้อแทนกันแล้วส่งให้ก่อนยังได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องสะตุ้งสตางค์กัน เพราะเป็นเรื่องของการหยิบยื่นเอาใจใส่ต่อกัน มากกว่าเรื่องกำไรขาดทุนใดๆ
แต่กระนั้น ขนมที่ทำทานกันก็ยังถือว่าอยู่ในจุดเริ่มต้นของการคัดสรร ทดลอง หากมองกลับไปจากวันนี้ที่มีคนคีโตเก่งๆทำขนมได้อย่างจัดจ้านมากมาย เราคงได้แต่ยิ้มอ่อนๆ เมื่อนึกถึงขนมในวันนั้น
เชื่อไหมว่า แรงผลักดันหลักที่ทำให้สาวๆคีโตยุคนั้น ฟันฝ่าทุ่มเทหัดทำขนมกัน นั่นคือ วันแดงเดือด
แล้วอาการโหยหาขนม ที่สั่งการมาโดยฮอร์โมนเพศหญิง ก็นำพามาสู่สิ่งที่เราไม่เคยคาดคิด….. (ต่อตอนหน้า)