หลักการพิจารณาสารให้ความหวาน สำหรับคีโต
ท้าวความทุกครั้งเมื่อพูดถึงคีโต เราจะคุยกันในหลักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราต้องเริ่มจากนิยามคำว่าคีโตก่อนนะครับ
สากลโลก นิยามคีโตเนจิคไว้ว่า
Ketogenic is the adjective of ketogenesis, a Greek-based word dating back to 1910–15 and literally meaning “producing ketone bodies.”
พูดง่ายๆก็คือ การสร้างคีโตน บอดี้ หรือ เรียกสั้นๆว่าการสร้างคีโตน นั่นเอง และกระบวนการที่ทำให้เกิดคีโตนได้ก็คือ ตับอ่อนดึงไขมันไปเปลี่ยนเป็นคีโตน เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย แค่นั้นเองครับ
ส่วนขั้นตอนที่มุ่งไปสู่กระบวนการ นี้ได้ก็คือ “การที่ร่างกายไม่มีคาร์บเพียงพอที่จะสร้างพลังงานจากกลูโคส จนต้องดึงไขมันมาสร้างคีโตนเพื่อเป็นพลังงาน” ไม่ว่าจะเป็นการลิมิตการกินคาร์บ, การใช้พลังงานคาร์บให้หมดไปอย่างรวดเร็ว ฯลฯ ขั้นตอนต่างกันแต่หัวใจเดียวกันคือ พร่องคาร์บนั่นเอง
และนอกเหนือจากการพร่องคาร์บแล้ว คีโตเจนิคไดเอท ก็จะมีเรื่องของการควบคุม(ไม่ใช่กดนะ) ระดับของอินซุลินไม่ให้พุ่งสูงและค้างนาน(และนะไม่ใช่หรือ) รวมถึงการเลี่ยง ultra processed food หรือ อาหารผ่านกระบวนการมากด้วยเช่นกัน
โอเค เข้ามาสู่เรื่องของเรานะครับ ในเรื่องของสารให้ความหวานนั้น เราจะอ้างอิงกับนิยามคีโตเจนิค ที่ตั้งเอาไว้ ทำให้ list การพิจารณาออกได้เป็นอย่างนี้ครับ
1.คาร์บสูงไหม
2.กระตุ้นให้ระดับอินซุลินพุ่งสูงและค้างนานไหม
3.เป็น ultra processed food ไหม ในข้อนี้รวมถึง artificial ด้วย
หมั่นคัดกรอง3ข้อนี้ เราก็จะสามารถตกตะกอนเป็นประโยคสรุปได้ว่า ไม่มีอะไรที่ “ไม่คีโต” ทุกอย่างคีโตกินได้หมด มีเพียงให้เราคิดว่าปริมาณแค่ไหนถึงจะเป็นมิตรกับคีโต หรือ keto friendly นั่นเอง เพราะทุกอย่างในโลกถ้ามากเกินไปล้วนเป็นโทษ ไม่เว้นแม้แต่น้ำเปล่าน้ำแข็งก็เถิด
สารหวานในโลกไม่ได้มีแค่ 4ตัวหรอกเหรอ ?????
ถ้าอย่างนั้นเรามาดู list รายการสารหวานชื่อประหลาดๆที่นอกเหนือ 4กุมาร ที่คนคีโตท่องจำกันไหมครับ บรีฟกันก่อนนะว่า อันนี้เป็นการเล่าให้ฟังแต่ละประเภทคร่าวๆนะครับ แค่ให้พอเห็นภาพ จริงๆมีทะยอยทำตัวละเอียดไว้แต่ยังทำไม่หมด ตัวไหนมีจะใส่ link ไว้ให้แล้วกันนะครับ
หญ้าหวานสกัด
gi 0 แต่ไม่ธรรมชาติ rebM rebD มาจากการสังเคราะห์ ใช้การกระตุ้นให้ใบหญ้าหวานเกิดสาร reb หรือตัวที่ทำให้เกิดความหวานซึ่งมีน้อยมาก ให้มีปริมาณมากหลายเท่าตัว ก่อนจะนำมาสกัด ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สารหวานธรรมชาติ แต่หลอกเราด้วยคำว่า made from และแน่นอนว่าเป็นสารหวานสังเคราะห์
อ่านฉบับละเอียดที่นี่
หญ้าหวานใบแห้ง
Gi0 ธรรมชาติ นิยมต้มหรือบดผง รสชาติแปร่งทำให้หลายคนไม่ชอบ แต่ถ้าจะธรรมชาติก็ต้องแบบนี้แหละ
อิริททริทอล
Gi0 น้ำตาลแอลกอฮอล์ เป็นการสังเคราะห์ ไม่ธรรมชาติ มีผลการวิจัยการเกิด อิริท adapted บ้างแล้ว
อ่านฉบับละเอียดที่นี่
อินนูลิน
Gi0 เป็นไฟเบอร์เสียส่วนใหญ่ กินได้ แต่โดนหลอกจากบางคนว่าโดนความร้อนสูงแล้วกลายเป็นน้ำตาล มีวิจัยว่าโดนความร้อนสุงเป็นเวลานานก็ยังไม่เปลี่ยนเป็นน้ำตาล ไปหาอ่านเองได้จากการ google นะครับ
หล่อฮั้งก้วยผลแห้ง+หล่อฮั้งก้วยบดผง
Gi ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ มีน้ำตาลธรรมชาติราวๆ 20-30% ก็มันผลไม้นี่นา ทุกการสังเคราะห์แสงเกิดคาร์บและน้ำตาลอยู่แล้ว
หล่อฮั้งก้วยสกัด
มันคือการสกัด ไมโกรไซด์ มาใช้ ก็ยังถือว่าเป็นการสกัดออกมาอย่างไม่สังเคราะห์ แต่กระบวนการผลิตยังไม่ได้มีการเปิดเผยอย่างแพร่หลาย แต่แพงมาก ที่ขายๆกันนี่ส่วนใหญ่ผสมอิริทอยู่ดี แทบจะอิริท90-95% แล้วหล่อฮั้งกวย 5-10% เอง กลับไปข้อเมื่อกี้ เตรียมตัว อิริท adapted อยู่ดี
อ่านฉบับละเอียดที่นี่
แอลลูโลส
โฆษณาว่า rare sugar แต่เอาจริงๆสมัยใหม่ไม่มีใครรอสะสม rare ให้มันได้ปริมาณจนเอามาขายแล้ว มันไม่พอกิน มันไม่พอขาย สำหรับระบบอุตสาหกรรม ถ้าไอ้ตัวนี้พอมัน rare หรือหายากนัก เค้าสร้างมันขึ้นมาครับ สร้างเนอะ สร้าง จบเนอะ
อ่านฉบับละเอียดที่นี่
ไซลิทอล xylitol
Gi อยู่ที่ประมาณ 7 เขาใช้คำว่า Xylitol Has a Very Low Glycemic Index and Doesn’t Spike Blood Sugar or Insulin ถ้าจะต้องการให้ gi 0 เท่านั้นนี่ อโวคาโดพี่ก็กินไม่ได้นะ เพราะอโวคาโด อยู่ที่ 15 เรียกว่า 2เท่าของไซลิทอล แถมไซลิทอลใส่เอารสชาตินิดเดียว ถ้ามอง GL นี่ยิ่งทิ้งห่างอโวคาโดเยอะเลย เห็นไหมว่าปริมาณสำคัญ
ซอบิทอล sorbitol
Gi อยู่ที่ประมาณ 9 ตัวนี้ของโปรด dr.berg กูรูคีโตที่คนคีโตในไทยยกย่องเป็นอาจารย์อีกคนนึงนั่นแหละ มีคลิปที่แกพูดชัดๆเลยว่าแกชอบตัวนี้ แล้วยังบอกต่ออีกว่า “คนธรรมดาปกติเราไม่ได้กินสารหวานปริมาณมากอยู่แล้ว” เห็นมะแกใช้คำว่า คนปกติทั่วไป นี่เหมือนไทยเราจะไม่ค่อยปกติไหมนะ ถ้าดร.เบิร์กมาไทยรับรองว่าต้องกลับไปทบทวนวิธีพูดใหม่ 5555
และแน่นอนว่าเป็นสารหวานสังเคราะห์
มอลโตเดร็กสตริน Maltodextrin
ตัวนี้ gi โหดจริง เกิน 100 – 185 เรียกว่าเป็นตัวที่เคยมีกระแสนักกล้ามกินสร้างกล้ามเลย คิดเอาว่ามันมหาศาลแค่ไหน แต่มันราคาถูก มันจึงเป็นตัวเพิ่มปริมาณในอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ และแน่นอนว่าเป็นสารหวานสังเคราะห์ดังนั้น กลับไปที่ GL ครับ ปริมาณสำคัญกว่าประเภท
Yacon Syrup
Gi 1 ทำมาจาก เสวี่ยเหลียนกว่อ หรือ บัวหิมะ เป็นสารหวานในหมวดใหญ่ของ fructooligosaccharides ก็คือพืชหัวพวก อาติโชค แกงค์เดียวกับอินนูลิน ก็ถือได้ว่ามีความธรรมชาติอยู่ในทีครับ
แอสปาแตม aspartame
Gi 0 ผ่านการรับรองทั้งจาก FDA และ Health Canada ซึ่งตัวหลังนี่เป็นที่รู้กันในวงการว่า ยากและลำบาก แอสปาแตม เคยเป็นแพะอยู่ตลอดเรื่องการมีความเกี่ยวพันกับสาเหตุของการเกิดมะเร็ง จนกระทั่งในปี 2020 ก็มีผลการวิจัยออกมามากมาย โดยเฉพาะจาก 2สถาบันที่เกี่ยวกับมะเร็งคือ National Cancer Institute at the National Institutes of Health และ American Cancer Society ออกมายืนยันว่า ไม่ได้เชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง
ไม่ได้โปรวิจัย เลยไม่อยากเอาวิจัยมาขึ้นหิ้งบูชา แต่ว่าอ่านไว้ให้รู้ ดูไว้ให้เห็นและกินให้ระวังเสมอ ยังไงไปอ่านด้านล่างสรุปอีกทีนะ
ซูคราโลส sucralose
Gi0 บอกเลยว่า 0 ไม่ใช่ 0-100 เพราะอะไร วิจัยต่างประเทศนิยมเอาตัวสำเร็จในท้องตลาดมาวิจัย หรือที่เค้าเรียกกันว่า sweetner package คำว่า package ก็คือใส่ห่อพร้อมใช่ หรือน้ำตาลซองนั่นแหละ แล้วประเด็นอยู่ที่ ยี่ห้อยอดนิยมและซื้อง่ายคือ splenda โป๊ะแตกที่ว่า ไอ้ยี่ห้อสเปลนดา มันเป็นมอลโตเดร็กสตริน ผสม ซูคราโลส โดยที่มีซูคราโลสเพียงไม่กี่ % เท่านั้นเอง ดังนั้นไอ้ที่ท่องๆกันเรื่องกระตุ้นอินซุลิน ตัวเลขมันมาจากมอลโตฯ ไม่ใช่ซูคราโลส ส่วนซูคราโลสเพียวๆ gi0 ครับท่าน และถ้าจะบอกว่ามีส่วนเรื่องมะเร็งสมองบลาบลาบลา ขอบอกว่า สารหวานสังเคราะห์ มีโอกาสเท่าๆกันทั้งหมด โปรดอ่านสรุปด้านล่างทีเดียว
มัลติตอล maltitol
Gi 35 เทียบได้เป็นครึ่งหนึ่งของน้ำตาลปกติ แต่ให้ไปอ่านด่านล่างเรื่อง gi gl อยู่ดีครับ ปริมาณสำคัญกว่าประเภท อ่ะถ้าไม่เขื่ออีกเขาบอกว่า Maltitol is safe for the keto diet when used in moderation แปลยังไงก็ปริมาณสำคัญกว่าประเภทไหมนะ สากลโลกเขาก็ไม่มีคำว่า “ไม่คีโต” อยู่ดี ไม่รู้สินะ
อะซิซัลเฟม เค acesulfame K
บางคนอาจเห็นเป็น Acesulfame Potassium ทำความเข้าใจก่อนว่า K คือ โพแทนเซียมในตารางธาตุ นะครับ gi 0 เป็นสารหวานสังเคราะห์ เกิดบนโลกนี้มาตั้งแต่ปี 1970 ถือว่าเป็นสารหวานยุคเซเว่นตี้ และแน่นอนว่า รับสภาพไปกับการโดนกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุแห่งมะเร็งเหมือนเดิม แล้วก็มีวิจัยมาแก้ว่าไม่มีส่วนเชื่อมโยง เหมือนเดิม
ขัณฑสกร Saccharin
มีอายุอานามมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่1 ค่า Gi0 สารหวานสังเคราะห์ เช่นกันที่เคยมีผลวิจัยว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในหนู ก็โดนมองว่าร้ายไปตามระเบียบ ก่อนจะมีผลวจัยออกมาแก้ต่างให้ว่า ไม่มีผลกับลิงและคน แต่ที่สำคัญคือ แม้จะมี gi0 ในภายหลังก็มีวิจัยออกมาว่า Saccharin มีส่วนเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง คิดว่าผลกระทบเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในลำไส้ที่เกิดจากสารให้ความหวาน เป็นงะ gi0 ซึ่งไหมครับ
นีโอแทม Neotame
มีค่า gi0 เช่นกัน เป็นทายาทของแอสปาแตม เรียกกันเล่นๆว่า แอสปาแตมอัพเดท คือ Neotame เป็นการลบข้อเสียต่างๆของแอสปาแตมออกไป ไม่ว่าจะรสชาติดีกว่า มีความเสถียรมากกว่าในทั้งขณะโดนความร้อนและกรด รวมถึงละลายได้ดีและเร็วกว่าแอสปาแตม
แอดวานแทม Advantame (อ่านแบบนี้ไหมวะ 55555)
ได้รับการพัฒนาโดย Aijnomoto บริษัทญี่ปุ่น ทำจากทำ จากแอสปาร์แตมและวานิลลิน(Vanillin) มีค่า gi0 เช่นกัน เพิ่งได้รับการอนุมัติจาก FDA เมื่อปี 2014 นี้เองครับถือว่าเป็นน้องใหม่พอสมควร โดดเด่นด้วยความหวานระดับ 20,000 เท่าของน้ำตาลปกติ ใช่ครับอ่านไม่ผิด 2หมื่นเท่า!!!!!! สูงจนในวงการต้องคิดกันว่า ระดับความหวานมันสูงสุดที่เท่าไหร่เลยด้วยซ้ำไป ญี่ปุ่นนี่เขาช่างญี่ปุ่นจริงๆเลยนะครับ คุณสมบัติเทพไม่ด้อยกว่า Neotame เลยทั้งความเสถียร รสชาติ การละลาย
ไอโซมอลต์ Isomalt
มีค่า gi2 น้ำตาลแอลกอฮอล์ สังเคราะห์ แน่นอนว่าการโดนมองว่ามีปัญหากับสุขภาพย่อมมี และแน่นอนอีกว่า วิจัยแก้ต่างก็มีมาในภายหลัง ตัวนี้คุณสมบัติเด่นคือไม่เหนียว ทำให้นิยมใช้ในการเคลือบแข็งหน้าขนมที่ต้องการน้ำตาลแนวแข็ง หรือ เอาไปทำลูกอมเป็นต้น
โพลีเดกซ์โทรส Polydextrose
สังเคราะห์ทั้งความหวานและไฟเบอร์ (synthetically fiber) มีค่า gi7 เป็นไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำ ส่วนใหญ่มักใช้ในไอศกรีม แน่นอนของสังเคราะห์ รับข้อหาไปก่อนเรื่องมะเร็ง แล้วก็มีวิจัยแก้ต่างเช่นกัน
ทากาโตส Tagatose
มีค่า gi3 ได้ชื่อว่ามีรสชาติคล้ายน้ำตาลจริงมาก เพราะโครงสร้างโมเลกุลคล้ายน้ำตาลมากต่างกันเล็กน้อย มักพบในเวย์ธรรมชาติ ส่วนที่ย่อยในลำไส้ก็กลายเป็น butyrate ได้ด้วย เค้าจัดหมวดความเทพไว้ใกล้เคียงแอลลูโลส ทำคาราเมลได้ มีเอฟเฟคการเกิดสีน้ำตาลได้
เห็นไหมครับว่าสารหวานมีมากมายเลยในโลกนี้ นี่แค่ยกตัวอย่างมานะครับยังมีอีกบานเบอะบนโลกนี้
ทั้งหมดเรายังไม่พูดถึงคาร์บ เพราะมีหลากหลายมาก บางทีน้ำตาลแอลกอฮอล์แต่ก็มีคาร์บ บางทีก็คาร์บแบบไม่ดูดซึม ซึ่งในบทความนี้เราไม่ได้จะจัดสรรหรือบอกว่าคีโตกินอะไรได้หรือไม่ได้ เพราะ ไล่เรียงมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ถ้าเรายึดแก่นของคีโตจริงๆตาม 3ประสานที่บอกไว้ข้างต้น เราก็จะคัดกรองได้เองและเห็นชัดว่า มีอะไรที่มากกว่า 4กุมารอีกด้วยซ้ำไป
ยังไง????
คาร์บ
ส่วนมากแทบไม่มีคาร์บกันอยู่แล้วเพราะเป็นการสกัดเสียส่วนใหญ่ ส่วนตัวที่เป็นโครงสร้างจาก natural ก็ไปดูเอาว่าดูดซึมไหม เพราะบางแหล่งข้อมูลยังให้เนทคาร์บของอิริทสูงมากกว่า0ไปพอสมควร เราเลยต้องดูองค์รวมกันมากกว่า
Gi
ถ้าจะดูแค่ gi ก็ถือว่ายังไม่ครบวงจร เพราะปริมาณสำคัญกว่าประเภท ก็ต้องดู GL ควบคู่กันไปด้วยเพราะมันอิงกับปริมาณการใช้และเข้าร่างจริงๆ ไม่ต่างกับ ทองหยอด1จาน กินหมดจาน กับกินเม็ดเดียว มันเอฟเฟคกับร่างกายเราต่างกันมากจริงไหม
อ่านเรื่อง gi gl พร้อมโปรแกรมคำนวนอัตโนมัติได้ที่นี่
ธรรมชาติหรือสังเคราะห์
ดูลึกลงไปให้ละเอียด เรามักโดนทริคทางการตลาดหลอก อย่างหญ้าหวานถ้าสกัด reb m มานั่นก็คือการสังเคราะห์สารพิเศษออกมา แต่ถ้าใบแป้งต้มน้ำ อันนั้นคือธรรมชาติ หรืออย่างอิริท ที่คนบอกว่าเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ เป็นธรรมชาติ ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเป็นการสกัดความหวานมาจากแอลกอฮอล์หมัก ดังนั้นในแก่นของมันคือ สังเคราะห์ ถึงบอกว่าอย่ามั่นใจอะไรนักจากการท่องจำ
และสำคัญคือ
สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครตอบได้คือ สารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้น จะมีผลกระทบอะไรกับร่างกายในอนาคตหรือไม่ อีกทั้ง การรับรสหวาน มันจะส่งผลด้านอินซุลินแค่ไหน ถ้าคุณยังมั่นใจว่า สารหวาน4กุมาร กินได้ ไม่กระตุ้นอินซุลิน ไม่อ้วน ไม่เป็นเบาหวาน ผมเล่าอะไรให้ฟัง
ในระยะหลังเริ่มมีผลการวิจัยออกมาว่า หญ้าหวาน มีส่วนในการกระตุ้นอินซุลิน
ในระยะหลังเริ่มมีผลการวิจัยออกมาว่า สารให้ความหวานเกือบทุกชนิด มีส่วนในการกระตุ้นอินซุลิน
ในระยะหลังเริ่มมีผลการวิจัยออกมาว่า รสหวาน ไม่ว่าจะมาจากอะไร มีผลกระทบกับฮอร์โมนส์ต่างๆ เช่น อินซุลิน โดปามีน เอนโดรฟิน คอติซอล
ในระยะหลังเริ่มมีผลการวิจัยออกมาว่า น้ำตาลแอลกอฮอล์ สามารถทำให้ร่างกายได้รับแคลลอรีจากมันได้ ในลักษณะของการ adapted ทำให้มีการดุดซึมนำไปใช้ประโยชน์ด้านพลังงานและกระตุ้นอินซุลินได้ในที่สุด
และคือส่วนมากแล้ว การวิจัยจะแสดงให้เห็นไปในทิศทางที่ว่าว่าสารให้ความหวานเทียมอาจส่งผลเสียต่อแบคทีเรียในลำไส้ สิ่งนี้น่ากังวลอย่างยิ่งกับระบบนเวศน์ในลำไส้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในสุขภาพโดยรวมและมีผลอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกัน และระบบลำไส้สมดุล ที่เราเรียกว่า Gut Microbiome นั่นเอง
ในการทดลอง สารให้ความหวานเทียมหลายชนิด มีผลในการส่งเสริมการแพ้น้ำตาลกลูโคส ด้วยเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์กำลังตั้งหลักกันใหม่กับความจริงที่ว่าสารให้ความหวานเทียมดูเหมือนจะไม่ช่วยในการจัดการน้ำหนักด้วยซ้ำ ซึ่งก็ยังต้องมีการศึกษากันต่อไป
ไม่ได้จะให้เชื่องมงาย ไม่ได้จะพิสูจน์เพื่อฟาดฟันอะไร แค่เล่าให้ฟังไว้จะได้ตั้งสติ
มันคืออะไร ??
สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือ สิ่งมีชีวิต จะดำเนินชีวิตไปควบคู่กับวิวัฒนาการและการปรับตัวให้อยู่รอดครับ สิ่งมีชีวิตเรากินอาหารเพื่อความอยู่รอด และดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปบนโลกไม่ให้สูญพันธุ์ มันคือกฎแห่งธรรมชาติใครพ่ายแพ้ก็สูญพันธุ์ไป
ดังนั้น ร่างกายจะมองว่าสิ่งที่กินเข้าไป ควรจะต้องให้ร่างกายได้รับอะไรจากสิ่งนั้น มันก็จะพยายามค้นหาอะไรจากสิ่งนั้นให้ได้ และถ้าไม่ได้ มันจะปรับตัวเองให้เอาบางอย่างจากสิ่งนั้นให้ได้ในที่สุด
ดังนั้น ยกตัวอย่างว่า การที่เรากิน อิริททริทอล กันบ่อยๆทุกวี่ทุกวัน ปริมาณมากๆ ภายใต้อะไรที่ท่องต่อๆกันว่ากินได้ไม่อั้น ยิ่งกินยิ่งผอม ไม่กระตุ้นอินซุลิน ร่างกายมันก็จะค่อยๆเรียนรู้และปรับตัวให้สามารถใช้ประโยชนจากอิริทให้ได้ ประกอบกับที่เริ่มมีวิจัยว่า รสหวาน มีผลกระทบกับฮอร์โมนส์หลายตัว ดังนั้นมันก็ครบทีมพอดีมีกองหน้ากองกลางกองหลัง ผมมักเรียกมันเล่นๆว่า อิริท adapted หรือจะรวมกันว่า sweetener adapted ก็ไม่แปลก
คุ้นๆคำนี้ไหมครับ adapted เดียวกับ fat adapted หรือ keto adapted นั่นหละครับ วงล้อเดียวกันเลย เราลิมิตคาร์บจนบังคับให้ร่างกายเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากไขมัน เราเรียกว่า fat adapted หรือการใช้พลังงานไขมันอย่างคล่องแคล่ว จากเดิมที่มันมองว่าไขมันเป็นความจำเป็นสุดท้าย
สารหวานก็เช่นกัน เรากินมันจนร่างกายเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากมัน กลายเป็นว่าในที่สุดมันจะใช้ พลังงานจากสารให้ความหวานได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเดียวกัน อันนี้ไม่ได้มโน แต่เป็นสมมติฐานที่เริ่มมีงานวิจัยมุ่งหน้าไปทางนี้อยู่ครับ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินได้ คุณทันได้เห็นมันก่อนตายแน่นอน
แล้วถ้าในอีก 10ปี มันตีพิมพ์ผลกระทบเหล่านี้ออกมาอย่างชัดเจน นั่นหมายถึงว่า คุณกินมันต่อเนื่องมา 10ปีแล้วเช่นกัน ยินดีด้วยนะครับ กับอนาคตที่ไปลุ้นเอาเอง
ในแนวคิดของผม จึงคิดว่า ถ้าอยากกิน ก็กินได้ กินไปเหอะ เลือกตัวที่อยากได้ พิจารณาจากแก่นคีโตที่คุยไว้ข้างบนไม่ใช่กินตามอะไรที่กูรูกำหนด แล้วมาบอกว่าเกินกว่านั้นคือ “ไม่คีโต” โลกนี้ไม่มีอะไรไม่คีโต เพราะคีโตคือการกำหนดคาร์บเองตามแต่ละคนจะเลือกอาการ ไม่เหมือนเจ ไม่เหมือนมังสวิรัติ ที่มีความ “ไม่เจ ไม่มังสวิรัติ” ด้วยประเภทอาหารคือเนื้อสัตว์ พอนึกออกไหมครับว่า ทำไมคนถึงพูดว่าคีโตไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใชความเชื่อ แต่ก็ยังมีใครบางคนพยายามทำให้เป็นอย่างนั้นด้วยคำว่า “อันนี้ไม่คีโต” เราคงต้องตั้งคำถามว่าเอาอะไรมาวัดว่าไม่คีโต ความรู้สึกเหรอ?? หรือแค่ คิดว่า?? สิ่งที่ตัดสินกันไปว่า “ไม่คีโต” มีเหตุผลที่เป็นตรรกะไม่วิบัติมารองรับ 1 2 3 4 อะไรบ้างไหม หรือจะบอกแค่ว่า ไม่รู้แหละไม่คีโต มีคาร์บมีน้ำตาลไม่คีโต giไม่เท่ากับ0คือไม่คีโต??? พี่เล่นไม่ดู gl พี่เล่นไม่เทียบกับอโวคาโดเทพๆของพี่ พี่เล่นไม่เทียบวิปครีมที่ชื่นชอบกัน???
แต่กระนั้นก็จงกินในปริมาณที่แค่ชูใจนิดหน่อย ไม่ใช่แบบติดหวานขาดไม่ได้ รสชาติต้องหวานถึงใจ อะไรแบบนั้น หรือแม้แต่ว่า นิดๆหน่อยๆก็ได้ แต่ขอทุกวันเลย
แต่ถ้าเลี่ยงได้ ก็ควรเลี่ยง ให้หมดนั่นแหละครับ เขามีคำกล่าวว่า On the other hand, if you’re new to keto, it’s not always a good idea to indulge urges for your favorite foods. Rather than keeping up old eating patterns, you could learn how to stop sugar cravings instead (we believe in you!).
คือถ้าต้องตกเป็นทาสขนาดนั้นนี่ ก็ตัวใครตัวมันครับ โตแล้วคิดเอาเอง
ปริมาณ สำคัญกว่า ประเภท อยู่แล้ว
เปิดองศาความคิดใหม่ครับ อย่าเอาแต่เชื่อ อย่าเอาแต่ตาม หัดสงสัยไว้ด้วย
ไม่ต้องเชื่อผมนะ #ไม่ได้เรียนมา ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ได้มีส่วนใกล้ชิดกับแพทย์เลยเว้นแต่ป่วยแล้วก็ไปหาหมอ หมอที่เจอบ่อยสุดเป็นหมอนวดแผนไทยด้วยซ้ำไป ไม่ได้จบดร.แม้จะอ่านดร.สลัมมาแต่เด็ก ไม่ได้เรียนสายวิทยาศาสตร์แม้จะเรียนสายวิทย์แล้วได้ปริญญาทางศิลปะมาก็ตามเหอะ
แต่ผมเป็นคนมีเหตุผลครับ ดังนั้น ถ้าคิดเป็นเหตุ เป็นผล มันก็คือวิทยาศาสตร์นั่นแหละ ฮาๆๆๆๆ
#pirateketo
#เนี่ยเฮียเอง
#siripun