fbpx

บทสรุปเรื่อง น้ำตาลหล่อฮั้งก้วย ที่ขายในตลาดคีโต

แท้ แต่ไม่เพียว

สืบเนื่องมาจากที่ได้โพสเอาไว้ในเพจครับ กับเรื่องที่คนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับน้ำตาลหล่อฮั้งก้วย แต่พอดีว่าตอนนั้นดันโพสไว้หลายโพสแล้วเห็นว่าในอนาคตอาจต้องมานั่งตอบเรื่องนี้อีก เลยนำมารวบรวมให้อยู่ในบทความเดียว เอาไว้อ้างอิงยาวๆ

ต้องยอมรับกันนะครับว่า การที่ลูกค้าจะเข้าใจว่า น้ำตาลเกล็ดๆที่ซื้อจากตลาดคีโต ที่คนขายบอกว่าเป็นน้ำตาลหล่อฮั้งก้วยนั้น คิดไปว่าเป็นน้ำตาลที่ทำจากหล่อฮั้งก้วยเพียวๆนั้น ไม่ผิดที่จะคิดไปเช่นนั้น เพราะในโลกเรา การทำน้ำตาลที่อ้างอิงว่าเพื่อสุขภาพโดยปกติแล้วมันก็เป็นลักษณะนั้นเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะน้ำตาลแดง น้ำตาลปี๊บน้ำตาลปึก มันคือเอาเอาพืชมาต้มมาเคี่ยว มาทำให้งวด พอมาเป็นหล่อฮั้งก้วย ถ้าคนเราจะคิดไปเองว่าเป็นแบบนั้นเช่นกัน ก็ไม่ผิดอะไร เพราะธรรมชาติสมองของมนุษย์ มักจะเก่งเรื่องการเชื่อมโยงและการเหมารวม เคยได้ยินทฤษฎีการเชื่อมโยงไหมครับว่า มีถ้วยครอบลูกปิงปองอยู่ 6 ใบ แต่ละใบเปิดออกมาเจอลูกปิงปองสีส้มไปแล้ว 5 ลูก ใบสุดท้ายสมองมนุษย์ก็จะเชื่อมโยงไปเองก่อนว่า ใบที่ 6 ก็ต้องเป็นลูกปิงปองสีส้มเช่นกัน

ทีนี้ความจริงคือ ลูกที่ 6 มันอาจเป็นสีขาวได้ ไม่ใช่เพราะปาฎิหาร แต่เป็นเพราะ มันเป็นอย่างนั้นแต่แรก แค่คนเรายังไม่รู้และใช้ข้อมูลจากที่มีมาก่อนในการเชื่อมโยงและเหมารวมนั่นเอง

ทีนี้ ที่มาที่ไปของหล่อฮั้งก้วยสกัดนั้น อ่านเต็มๆได้ที่บทความซีรีย์ ASS ตอน หล่อฮั้งก้วย https://siripun.com/2022/03/29/monkfruit-2/

หล่อฮั้งก้วย ได้ความหวานจากไหน

บรีฟสั้นๆได้ว่า ความหวานของหล่อฮั้งก้วย แบ่งออกเป็น 2 อย่าง 

1 มาจากน้ำตาลจริงๆ ตามธรรมชาติของผลไม้ ซึ่งหล่อฮั้งก้วยมี กลูโคส 0.8% ฟรัคโตส 1.5% และ รีดิวซ์ชูการ์ อีกราวๆ 30% 

2 มาจากสารพิเศษชื่อว่า โมโกรไซด์ ซึ่งต่อผลนึงมีน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆ 

โมโกรไซด์ เราเทียบเคียงกับหญ้าหวานได้ครับ เพราะมันเป็นสารวิเศษในตระกูลเดียวกันคือ กลุ่ม  glycoside อย่างหญ้าหวาน ภาษาวิทยาศาสตร์เขาจะเรียก steviol glycoside มันเป็นสารวิเศษเพราะมีความหวานกว่าน้ำตาลถึงเกือบๆ 300 เท่า ทำให้หล่อฮั้งก้วย 1 ผล จะมีสารวิเศษนี้แค่ราวๆ 0.5% – 1% โดยเฉลี่ย 

ที่ขายในตลาดคีโต เป็นหล่อฮั้งก้วยแท้ ไหม

ตรงนี้เราต้องนิยามให้ตรงกันก่อนครับ ไม่งั้นเถียงกันตาย ถ้าถามความแท้ ของหล่อฮั้งก้วยสกัด คำตอบก็ต้องตอบว่าใช่ครับ เฉพาะตัวที่สกัดมานั้นแท้เพราะกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ โมโกรไซด์ มันต้องใช้หล่อฮั้งก้วยนั่นเอง

แต่

ถ้าถามว่า เกล็ดๆถุงๆในตลาดคีโต คือหล่อฮั้งก้วย100% ไหม เราต้องมาแยกองค์ประกอบแล้วครับ โมโกรไซด์นั้นหนะ อย่างที่บอกไปเมื่อครู่ ว่าน่าจะเป็นโมโกรไซด์แท้ๆ ส่วนของในถุงที่ขายๆกัน ครึ่งโล โลนึง กระสอบนึง อันนั้นเราไม่สามารถเรียกว่าเป็นหล่อฮั้งก้วยสกัดทั้งห่อ คือมันไม่ใช่โมโกรไซด์เพียวๆ มันมีการผสมสารให้ความหวานอื่นๆไว้ด้วยกัน แล้วแต่สูตรของแต่ละโรงงาน ได้ตั้งแต่ ผสมน้ำตาลทราย ผสมอิริททริทอล ผสมแอลลูโลส ผสมกลีเซอไรด์เพื่อให้เหลวๆ คือหลักการมันจะเป็นการผสมกับ something ที่หวานน้อยๆ แต่ปริมาณมากๆ 

ซึ่งที่นิยมในตลาดคีโตส่วนมากจะเป็นการนำไปผสมกับอิริททริทอล เพราะเป็นสารให้ความหวานที่หวานน้อยกว่าน้ำตาลปกติ ทำให้สามารถไปเติมเต็มความหวานให้ครบรสได้สะดวก

อ้าว แล้วตกลงได้หล่อฮั้งก้วยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงานแต่ละสูตรครับ ถ้าเรามาดูตามฉลากโภชนาการ ถ้า้ยี่ห้อนั้นใส่มาครบฉลาก 3รู้นะ 555 จะเห็นได้ว่า อัตราส่วนที่ใส่หล่อฮั้งก้วยสกัดนั้น อยู่ที่ราวๆ 3-5% ของปริมาณทั้งหมด ถ้าคำนวนคร่าวๆก็อิงต่ำสุดจะได้ว่า จาก 100กรัม มีหล่อฮั้งก้วยสกัด 3กรัม กิโลนึงก็มีหล่อฮั้งกวยสกัด 30กรัม ถ้าครึ่งโลก็หารครึ่งลงมาเป็นหล่อฮั้งก้วยสกัด 15กรัม อันนี้คิดจากการคำนวนตามฉลากเฉยๆนะครับว่าปริมาณน่าจะอยู่ที่ราวๆนี้

ทำไมต้องผสม ทำไมไม่ขายแบบเพียวๆเลย

ต้องกลับไปดูคุณสมบัติของสารสกัดโมโกรไซด์ของหล่อฮั้งก้วยกันอีกทีครับ ที่บอกไว้เมื่อตอนต้นจะมี 2 ประเด็นหลักๆคือ ในผลนึงมันมีสารตัวนี้น้อยมากๆ เฉลี่ย 0.5% ต่อผลเท่านั้นเองครับ และอีกประเด็นนึงคือ มันหวานมาก หวานร่วมๆ 300เท่าของน้ำตาลปกติ มันก็เลยเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ไม่สามารถนำมาขายแบบเพียวๆได้ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปหรือที่เราเรียกว่า consumer market ได้ครับ 

จากเหตุผลแรก ในผลนึงมีสารตัวนี้น้อยมากๆ และต้องใช้กระบวนการในการสกัดออกมา นั่นทำให้ราคาของมันสูงมาก โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราวๆกิโลละ 1หมื่น2หมื่นบาท แล้วแต่คุณภาพ ระดับ เกรดของทั้งโรงงานและวัตถุดิบ ก็ต้องถามคุณกลับแล้วหละครับว่า คุณสู้ราคาไหม กิโลละหมื่นบาท ก็ไม่สู้ หรือ ถ้าคุณสู้ราคาไหว แล้วคุณคิดว่าคนอื่นๆสู้ไหวไหม โรงงานต้องทำขายคุณคนเดียวไหม หรือให้ 100คนก็ได้ เทียบกับการผลิตทั้งไลน์ผลิตแล้ว โรงงานจะอยู่ได้ไหมถ้าต้องแยกมาขายปลีกให้ consumer สู้ขายเป็น business to business ไปเลยดีกว่าไหม 

เหตุผลที่2 ด้วยความที่ว่ามันหวานมากๆ หวานร่วม 300เท่าของน้ำตาลจริง ถ้าเป็นแบบเพียวๆคุณจะใช้งานยังไง ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ โดยเฉพาะใครที่ทำขนม ถ้าคุณจะทำขนมที่ใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เรามาคำนวนสูตรขนมกัน น้ำตาลทรายตวงมา 1 ช้อนชา ได้น้ำหนักประมาณ 5กรัม แล้วคุณอยากใช้สารสกัดหล่อฮั้งกวยเพียวๆไม่ผสมอิริท ที่หวานกว่าน้ำตาลทรายปกติ 300เท่า คุณจะต้องใช้ 5กรัมหารด้วย300เท่าเท่ากับว่าคุณจะต้องใช้ โมโกรไซด์นี่ที่น้ำหนัก 0.01666 กรัม คุณจะตวงยังไง คุณจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติอย่างไร เทียบให้เห็นภาพโง่ๆได้ว่า ช้อนชาแบบตวงขนม กับ ไม้แคะหู ซึ่งถ้าตวงไม้แคะหูผิดไปนิดเดียว ขนมคุณจะหวานขี้แตกเลยครับ 

ดังนั้นเมื่อเอาคุณสมบัติทั้ง 2 เหตุผลมารวมกัน มันก็เลยเป็นคำตอบที่ว่า เขาต้องนำไปผสมกับอิริทเพราะ

1 เฉลี่ยราคาลงมาให้คนทั่วไปเอื้อมถึงได้สะดวกขึ้น

2 ต้องเอาสารหวานที่ต่ำกว่าน้ำตาลทราย มาผสมสูตรกัน อย่างอิริทหวานราวๆ 70% ของน้ำตาลทราย เขาก็เอาโมโกรไซด์ผสมเข้าไป ให้หวานเป็น 100% ทำให้ความหวานเทียบเคียงกับน้ำตาลจริงในระดับ 1 ต่อ 1 ทำให้ทุกวันนี้คุณสะดวกใช้ สูตรขนมใช้ 1 ช้อนชา คุณก็ใช้อิริทผสมหล่อฮั้งก้วย 1 ช้อนชาเหมือนกัน 

ต้มแล้วเคี่ยวทำน้ำเชื่อม หรือ เอาแบบแห้งไปบดผงใช้ได้ไหม จะได้ไม่ต้องผสมอิริท

ได้ครับ แต่อย่างที่บอกไว้ตอนแรกเลยว่า ตัวผลของหล่อฮั้งก้วย เรามี กลูโคส 0.8% ฟรัคโตส 1.5% และ รีดิวซ์ชูการ์ อีกราวๆ 30% ซึ่งว่ากันตามตรงถ้าต้มดื่มก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แค่ตระหนักไว้ว่ามันมีน้ำตาลอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ที่สำคัญกว่าคือ รสชาติมันห่วยมากเกินกว่าจะเอาไปทำขนมหรืออาหารแบบทั่วไป เพราะความหวานแปร่งและกลิ่นที่โคตรจะยาจีน ถ้าคุณทนของพวกนี้ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ทำให้คุณเลี่ยงอิริทได้ด้วย แต่ขอให้ตอบใจตัวเองจริงๆ ว่าไหวใช่ไหม อย่าตอบเอาซีน อย่าตอบเอาแค่ดูดีในโซเชียล หลอกใครก็ได้แต่สุดท้ายหลอกตัวเองไม่ได้ครับ 

ฟันธงได้ไหม ว่าตกลงที่เขาขายอยู่มันดีหรือไม่ดี คีโตกินได้ไหม

ถ้าจะถามว่าคีโตกินได้ไหม ก็กินได้หละครับ ถ้าถามว่ามันดีไหม ก็ต้องตอบว่า มันมีคุณสมบัติเท่าเทียบกับอิริทนั่นแหละ ในทางเคมี มันไม่ได้ดีเด่นไปกว่าการกินอิริท เพราะอัตราส่วนมันเป็นอิริทถึง 95% เป็นอย่างน้อย ความหล่อฮํ้งก้วยของมันก็ไม่ได้เหลือคุณสมบัติวิตามิน ยาจีนอะไรแล้ว เพราะสกัดมาแค่ตัวโมโกรไซด์ เอาแค่ความหวานวิเศษของมันออกมา ดังนั้น ความดีของมันก็คือการเป็นอิริท ที่อร่อยกว่าเดิมแค่นั้นเองครับ ไมไ่ด้มีเรื่องสุขภาพที่ดีกว่าใดๆเลย โอเคถ้าเทียบกับน้ำตาลทราย มันก็ดีกว่าแค่ในแง่ของการเป็นน้ำตาลทางเลือก ดีกว่าน้ำตาลทรายแค่ว่าน้ำตาลทรายมีโอกาสกินเกินแล้วสะสมเป็นไขมัน กินเกินแล้วทำให้อินซุลินทำงานไม่ปกติ 

แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า อิริท มันก็เป็นเคมีอย่างนึง กว่าผลวิจัยจะมีข้อมูลพอว่ามันมีผลกระทบกับสุขภาพระยะยาวไหม ก็อาจจะอีก 10ปีข้างหน้า ถึงวันนั้นถ้ามันมีข้อสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุของการทำลายสุขภาพ คุณก็ปรับตัวไม่ทันแล้วครับ ถ้ายังเป็นคนที่กินสารให้ความหวานนี้ ต่อเนื่อง หนักหน่วงแบบไม่เกรงใจใคร ชีวิตขาดหวานไม่ได้ ไม่กระตุ้นอินซุลิน ฉันจัดเต็มแม็ก คุณก็จะกลายเป็นกลุ่มตัวอย่างที่รับเคมีนี้เข้าตัวปริมาณมากเป็นระยะเวลา 10ปี เป๊ะเลย 

ทำไมคนผลิตต้องหลอกลวงเราด้วย

ชัดๆก่อนเลยนะครับว่า “ผู้ผลิตที่ติดฉลากชัดเจน ไม่ได้หลอกคุณครับ” 

ต้องบอกกว่า เหมารวมว่าผู้ผลิตหลอกก็ไม่ได้ครับ 

เจ้าที่ทำฉลากชัดเจนก็มี เราอ่านหรือเปล่า 
เจ้าที่ทำฉลากไม่ชัดเจนก็มี แต่เราก็เป็นคนซื้อเองทั้งที่ไม่ได้รู้ว่ามันผสมอะไรบ้างหรือเปล่า
เจ้าที่ไม่ทำฉลากอะไรเลยก็มี แต่เราก็เป้นคนซือเองทั้งที่รู้ว่าไม่มีฉลากหรือเปล่า 

ผู้ผลิตเขาจะผิดก็ต่อเมื่อ ใส่ XXX แล้วบอกว่าเป็น YYY เช่นบอกว่าไม่มีน้ำตาลทราย แล้วใส่น้ำตาลทราย อันนี้ผิด แต่ถ้าเขาบอกแค่ว่า แต่ถ้าเขาไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย เขียนแต่ชื่อแล้วก็ยี่ห้อ มันก็ต้องไปว่ากันตามศาล ตาม ศคบ ซึ่งคุ้มกันไหม ทั้งที่รู้ว่าไม่มีฉลาก3รู้แล้วยังซื้ออ ทีนี้พอเข้าใจหรือยังครับว่าทำไมเราจึงเน้นจัง กับฉลาก 

แล้วยิ่งถ้าเป็นเคสคนป่วยด้วยนะ พอๆกันเลยทั้งคนผลิตที่ไม่ทำฉลากให้ดี กับ คนซื้อที่ไม่รู้จักเลือกของที่จะเอามากิน โทษใครคงไม่ได้ เป็นความผิดร่วม

ถ้าเราจำได้ว่า คีโตเราเน้นที่การอ่านฉลากอยู่แล้ว content ฉลาก3รู้ ก็ทำไปเป็นสิบๆตอนแล้ว เรายังเป็นผู้บริโภคที่โง่อยู่หรือเปล่า ต้องตอบตัวเองชัดๆ เราโง่เองที่ไม่ดูฉลากหรือเปล่า เราโง่เองที่เห็นว่าไม่มีฉลากแล้วยังซื้อหรือเปล่า ถ้าใช่วันนี้เราหยุดโง่ก็ยังทันครับ ฉลาดซื้อฉลาดเลือกต้องดูฉลากก่อนครับ 

เจ้าที่ทำฉลากชัดเจนมีเยอะแยะ เจ้าที่ทำห่อบรรจุดีๆสะอาดน่าเชื่อถือมีเยอะแยะ you are what you eat ครับ ของแบบนี้ 

ที่สำคัญคือ คุณคิดจะเชื่อแค่คำพูดตัวแทน คำพูดคนขายหรือเปล่า ถ้าใช่แสดงว่าคุณยังไม่เรียนรู้อะไรจากการกินคีโตเลย อย่าลืมนะครับ คีโตเริ่มจากการไม่เชื่อว่ากินไขมันคืออันตราย คีโตไม่กลัวไขมันเพราะเราไม่เชื่อสิ่งที่ “เขาบอก” ไม่ผิดอะไรนะครับถ้าคุณไม่คิดจะศึกษา ไม่มีใครไปเฆี่ยนตีหรอก แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า ในทางกลับกัน ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้เหมือนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับสุขภาพของคุณ ของแบบนี้ทำเองได้เอง ศึกษาเองก็ได้เอง เลือกจะซึมกระทื่อ ก็ไม่มีใครช่วยได้ครับ ถึงเวลาก็อย่างอแง

สรุป

ผมยังยืนยันได้ว่า สารให้ความหวานที่มีส่วนผสมของหล่อฮั้งก้วยสกัด ไม่ได้มีอะไรแย่ไม่ได้มีอะไรดี ไปกว่าอิริท ในแง่ของความเคมี ความไม่เป็นธรรชาติ ความไม่มีข้อมูลฟันธงเรื่องสุขภาพ มีดีในแง่รสชาติ และ ณ ปัจจุบัน ปี 2023 ยังเป็นที่ยอมรับว่ามีแต้มต่อที่ดีกว่าน้ำตาลแท้ ในมุมของ การสะสมเป็นไขมัน การทำให้ระบบเผาผลาญน้ำตาลผิดปกติ การรักษาสมดุลของการทำงานของอินซุลิน 

ของที่ขายถ้าไม่ใช่แบรนด์เนม ที่ออกมาจากโรงงาน ก็จะเป็นการซื้อกระสอบ มาตักตวงแบ่งขาย ซึ่งการผลิตก็เป็นคอนเสปเดียวกัน ต่างกันที่ชื่อชั้น ชื่อแบรนด์ คุณภาพโรงงาน เกรดโรงงาน เกรดวัตถุดิบ ความต่างก็แค่ประมาณนี้ไม่หนีกว่าเท่าไร การผลิตเลยไม่มีอะไรต้องกังวล

ถ้าจะกังวล ให้กังวลคนขาย แค่ในแง่ของความไม่รู้จริง แล้วโพสขายหรือพูดขาย แบบ over claim อวดอุตริจนเวอร์วัง หลายครั้งที่พูดอวยซะเวอร์ ทั้งที่ฉลากก็เขียนอยู่ชัดๆ พอเห็นภาพไหม ตัวสินค้า ตัวโรงงาน ได้คุณภาพ แต่มาตกม้าตายที่คนขาย และยิ่งคนซื้อไม่ศึกษาเองด้วย ฟังๆดูๆก็เชื่อเลย ซื้อทันที ปัญหานี้มันเป็นปัญหาสังคม ปัญหาการเรียนรู้ มากกว่าปัญหาของตัวสินค้า ไม่ต้องแค่คีโตหรอกครับ วงการอื่นๆทั่วไปก็เจอแบบนี้หมด

โชคดีที่ส่วนผลิตได้คุณภาพ คุณจะเสียก็แค่เสียฟิล คิดว่าเป็นหล่อฮั้งก้วยล้วนๆเพียวๆ แต่ไม่ใช่ อย่างน้อยก็ไม่เสียสุขภาพไปมากกว่าการกินอิริท ดังนั้นก็ดูแลหัวใจตัวเองไปครับ รู้แล้วก็เข้าใจซะ ไม่ต้องกังวลว่าจะตาย คุณสมบัติไม่ต่างกัน ต่างกันแค่รสชาติ การจ่ายแพงกว่าเพื่อรสชาติที่ดีกว่า มันไม่ผิดอะไรนี่ครับ 

เลิกโทษผู้ผลิต แล้วโทษตัวเองบ้าง ที่รู้ไม่เท่าทันคนขายบางคน จนเสียความรู้สึก 

ยังดีนะที่ไม่เสียสุขภาพไปแบบการโดนหลอกให้กินน้ำตาลจริง

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม