fbpx

Keto Sloth ep2 : คาร์บไรวะ

Previously on KetoSloth มารีแคปให้นะครับกับตอนที่แล้วของ KetoSloth เราพูดถึงว่า อาหารหลักในโลกนี้ ประกอบไปด้วยกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม คือ โปรตีน คาร์บ และ ไขมัน คีโตเราเลือกตัดคาร์บออกไปให้เหลือน้อยที่สุด 

แล้วเราทิ้งท้ายไว้ว่า 30 วันแรกนี้ ไม่ต้องศึกษาอะไรอีกเลยนอกจากคาร์บ คาร์บ แล้วก็ คาร์บ 

มาทำความเข้าใจแบบง่ายๆก่อนว่า คาร์บคืออะไร?

คาร์บ = คาร์โบไฮเดรต ตามที่เราเคยเรียนมาตอนเด็กๆว่า คาร์บโบไฮเดรต คือ ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน แน่นอนครับว่าด้วยความล้มเหลวของการศึกษา มันก็เลยทำให้เราไม่ขยายความกันเองต่อแล้วท่องจำเอาว่า ข้าวแป้งน้ำตาลเผือกมัน คือคาร์โบไฮเดรต 

แล้วไอ้ที่มันนอกเหนือจากนี้หล่ะ . . . ตาย . . .

ในความจริงแล้ว พืชก็มีคาร์บ สัตว์บางอย่างก็มีคาร์บ เครื่องในบางทีก็มีคาร์บ 

ทีนี้เราจะบูรณาการ การศึกษาไปพร้อมๆกันเลย ด้วยว่าผมจะไม่เน้นท่องจำ เรามาเข้าใจเหตุผล แก่น ราก เพื่อที่จะเดินต่อเองได้ และวิ่งนำคนอื่นไหว

ถ้าจะพูดแบบง่ายๆ สำหรับการเริ่มต้นแบบไม่มีพื้นอะไรเลยนั้น เรามีหลักอยู่ว่า ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ถ้านอกจากเนื้อสัตว์แล้ว อาหารในโลกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีคาร์บทั้งนั้น (ไม่ใช่ Fact นะ เป็นหลักให้ฉุกคิดเฉยๆ) จับหลักนี้ไว้ก่อน ในระหว่างที่กำลังเรียนรู้

ทีนี้…วันนี้เรามาว่าด้วย พืช กันก่อน

เด็กๆเราเคยเรียนเรื่องการสังเคราะห์แสงใช่ไหมครับ เราเคยเรียนกันมาแล้วทั้งนั้นว่า พืชมีการสังเคราะห์แสง แล้วคุณจำได้ไหมว่า การสังคราะห์แสงมันคืออะไร?

การสังเคราะห์แสงคือ การที่พืชใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสร้างอาหารให้ตัวมันเอง

-..- แล้วไง?

มาดูแก่นของมันกันครับ 

มีเรื่องเล่าอยู่ว่า พืช ใช้แสงอาทิตย์ คลอโรฟิลด์และก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (ที่เราหายใจออกนี่แหละ) รวมกับไฮโดรเจน ส่วนใหญ่ง่ายๆก็ดึงจากน้ำหรือทางเคมีเราเรียก H2O พอมันใช้ H ไปแล้ว เหลือ O ผ่านกระบวนการบางอย่าง แล้วพืชมันก็ถุย O2 ออกมา ผลพวงของมันเราก็คือได้ อ๊อกซิเจน จำได้มะ ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจน พูดแบบติดตลกก็คือ พืชมันตดออกมาเป็นอ๊อกซิเจนให้เราดม นั่นเอง

เรื่องนี้มันสนุกที่ว่า นอกจากอ๊อกซิเจนแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นอีกอย่างนึง สมมติว่าเราไม่ได้เรียนมาตรงๆ เราก็พอเดาได้จากการสังเกตและสงสัย เฉลยว่า เราก็ได้การเจริญเติบโตของต้นไม้ไงครับ ฮาๆๆๆ ง่ายมะ

ขยายความไปอีก เมื่อต้นไม่เจริญเติบโตถึงระดับนึง มันก็ถึงวัยเจริญพันธุ์เติบโตเพียงพอจะเก็บเกี่ยวได้ ดังนั้น การสังเคราะห์แสง ทำให้เกิดออกซิเจนและได้คาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลที่มีคาร์บอน6 อะตอม คือกลูโคสและแปลงเป็นคาร์โบไฮเดรต สะสมในตัว ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของ ผล ใบ ดอก สมมติเป็นคนก็ พุง เหนียง ขา ไรงี้

นี่ก็เลยเป็นที่มา ที่บอกไว้ด้านบนว่า พืชแทบทุกชนิดล้วนมีคาร์บ ช่วงแรกที่ยังไม่เชี่ยวนั้น ให้เหมาคร่าวๆเองก่อนว่า เนื้อสัตว์ ยังไงก็คาร์บน้อยกว่าพืช

ดังนั้นเวลาเราจะถามว่า อันนี้กินได้ไม่ คุณพอจะเห็นภาพหรือยังครับว่า ทำไมมันตอบยาก คือแทบทุกอย่างมันมีคาร์บหมดแหละครับ มากหรือน้อยก็ว่ากันไปตามชนิด, ประเภท, ฤดูกาล, ปริมาณ, ขนาด, พันธุ์ โอ้ยยยยยย สารพัดห่านเหวไปหมด 

จะให้ตอบว่ากินได้ไม่ มันถึงมีคนรำคาญเราทุกทีไงครับ

โอเค วันนี้เรารู้แล้วเนอะ ว่าแทบทุกอย่างมันมีคาร์บทั้งนั้น ในใจคุณอาจคิดว่า 

ชิบหายแล้ว ทีนี้จะกินอะไรได้วะนี่ 

ถ้าคิดแบบนี้ขอให้กลับไปอ่าน EP1 อีกครั้ง หรือไม่ก็ย่อหน้าแรกสุด อ่ะ หรืออ่านต่อนี้ก็ได้ “คีโตเราเลือกตัดคาร์บออกไปให้เหลือน้อยที่สุด” 

ดังนั้น จริงๆแล้วทุกอย่างมันกินได้หมดแหละครับ แต่สำคัญคือ การรู้จักเรียบเรียงลำดับความสำคัญ กับ ปริมาณ ว่าเราจำเป็นต้องกินมันไหม แล้วปริมาณที่เรากินไปมันมากเกินไปไหม 

ภาระความรับผิดชอบต่อร่างกายคุณตอนนี้คือ Take คาร์บ ไม่เกิน 20กรัม ยิ่งถ้าเป็น Sloth มือใหม่ คุณควรกำหนดไว้ 10กรัม เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณจะพลาดแน่ๆ ช่วงแรกไม่ต้องรีบซ่า ที่อื่นอาจบอกว่าคุณเขยิบได้ถึง 50กรัม ถึง 100กรัม ผมจะบอกว่า เด็กทุกคนก่อนวิ่งเขาคลานมาก่อนทั้งนั้นครับ เมื่อไหร่ที่คุณหยุดตามตูดคนอื่นได้ คุณก็จะมีเวลามามองตัวเองและใช้เวลากับตัวคุณเอง สุดท้ายคุณก็ได้สิ่งที่คุณต้องการด้วยตัวคุณเอง

หลังจากวันนี้ไป ลองมองของกินแต่ละอย่างโดยเฉพาะพืช แล้วลองคิดดูครับว่ามีคาร์บไหม น่าจะมากไหม ลอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ดูครับ แล้วเราจะมาเรียนรู้กันว่า จะหาข้อมูลจากไหนว่า ไอเนี่ย มีคาร์บแค่ไหนวะ 

30วัน ของการเรียนรู้เรื่องคาร์บอย่างเดียวเท่านั้น อย่าลืมนะครับ ถ้าใครทำได้ ความรู้นี้จะติดตัวคุณไปจนวันตาย เชื่อเฮีย 

ปล. // โน้ตไว้นิดนึงว่า 

ที่เขียนเพื่อเป็นหลักง่ายๆนะครับให้เข้าใจและไปเองได้เรื่อยๆ ในความจริงทุกอย่างในโลกนี้ไม่ใช่จะ 100% ไปทุกเรื่องโลกเราเป็นโลกของชีวะ ครับเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ได้เป็นเรื่องของดิจิตอล ที่มีแค่ค่า จริง กับ เท็จ ก่อนจะคิดว่าเฮ้ยมันไม่อย่างนั้นเสมอไป ให้รู้ก่อนเลยครับว่า ใช่ ไม่อย่างนั้นเสมอไป แต่ใน Theme ที่เราคุยกันอยู่นี้เพื่อให้เห็นภาพรวม เพราะผมเชื่อว่า ที่ผ่านมาหลักวิชาการแน่นๆ ตัวเลขเป๊ะๆ กฎเหล็กพระวินัยอะไรที่ทำออกมาให้ท่องกัน มันล้มเหลวสิ้นเชิงไปแล้วจากที่เฮียคลุกคลีกับคีโตมาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ในเมืองไทย ปีนี้ของงานทดลองนี้หน่อยว่า ถ้าปรับเป็นเล่าหลักให้ไปกันเองได้ มันจะเป็นยังไงวะ ฮาๆๆๆ 

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม