fbpx

บอกเล่า90+1 เทป4
แอดมินกลุ่ม คีโตไงหล่ะพวกหล่อน / Mindset ในการลดความอ้วน / LGBTQ+ และ อื่นๆอีกมากมาย

กลุ่มคีโตไงหล่ะพวกหล่อน ตั้งมาประมาณ 2ปีกว่าๆ กับจำนวนสมาชิกราวๆ 33xxx คน ด้วยความรวดเร็ว เป็นกลุ่มที่เน้นการมีสุขภาพดีอย่างสนุกสนาน

จุดเด่นของกลุ่มคือ มีม meme ตลกๆ โดยไม่ได้เป็นการด่าทอ แต่เป็นการบิดให้ตลกๆ โดยเน้นใช้ meme จากหนังเรื่อง means girl โดยมีตัวละครชื่อ เรจินา เป็นตัวนำ ซึ่งก็เป็นชื่อตัวละครที่ คุณพีท นำมาเป็นชื่อเล่นในการเป็นแอดมินกลุ่มนี้

หนังเรื่อง means girl เป็นหนัง teen queen ที่ดังมากในยุค ปลาย’90 เข้า 2000 ถือว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่สร้างชื่อให้นักแสดงนามว่า ลินซี่ โลฮาน จนได้รับสมญานามว่า Teen Queen เรายังสามารถหาดูหนังเรื่องนี้ได้จาก Netflix นะครับ

คุณพีทเล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นเด็กอ้วนมาตลอด หนักถึง 130กก. จนวันนึงที่นอนแล้วหายใจไม่ออก คิดว่าจะตายก็เลยเป็นก้าวแรกของการลดน้ำหนัก เริ่มด้วยการกินยาลดน้ำหนัก ล้วงคอ ซึ่งผอมจริง แต่โทรมพอหยุดยาก็เด้งกลับมาใหม่

จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มเห็นว่าคนอื่นมีแฟน ซื้อเสื้อผ้าสยามได้ แต่คุณพีทไม่สามารถมีสิ่งเหล้านั้นได้เลย จึงเกิดความอายเป็นปมในใจ จนเป็นจุดที่เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น เลือกเรียนสิ่งที่ชอบ เลือกทำสิ่งที่อยากทำ

การวิ่งเป็นสิ่งแรกที่เริ่มทำ ด้วยความที่ชอบการเต้นมาก่อน การวิ่งเลยไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนไดเอทเมื่อ 15-16ปีที่แล้ว ใช้การกินผักต้มรวมกันมีเต้าหู้ กินวันละมื้อ เป็นมื้อเที่ยงรวมกับการวิ่งด้วย ทำให้ผอมลงมาได้มาก ผิวดีขึ้นขาวขึ้น แต่ตัวเหี่ยวเพราะลดแบบผิดๆลดเร็วเกินไป ยังติดการชั่งน้ำหนักและต้องการให้น้ำหนักลดลงทุกวัน

ก็เลยปรับตัวใหม่ค่อยๆศึกษา ประกอบกับเข้าสู่วงการโยคะ ก็เริ่มเลือกกินในสิ่งดีๆมากขึ้น รู้จักการทำ Fasting โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งตรงนี้พี่หนึ่งก็บอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่คล้ายๆกัน

คุณพีทเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายมาก่อน สมัยเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ก็ไม่ได้ชอบการเล่นกีฬาเลย จนกระทั่งได้มาวิ่งและโยคะ จึงพบว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบออกกำลังกาย แต่ชอบออกกำลังกายที่อยู่กับตัวเอง แล้วก็เริ่มศึกษามาจนพบโลว์คาร์บ คีโต ก็ได้ผลดียิ่งขึ้นไปอีก

พอมาทำกลุ่มคีโต ก็หากิจกรรมออกกำลังกายให้กับสมาชิกกลุ่มเรื่อย

สิ่งหนึ่งที่คุณพีทเรียนรู้จากอดีตคือ การมุ่งแต่จะผอมนั้นไม่ยั่งยืน สิ่งที่ควรเรียนรู้ที่สุดคือ อย่าคิดว่าจะผอมที่น้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะดูดี แต่ให้โฟกัสที่การกินอาหารที่ดี ออกกำลังกายดี และระวังอย่ากินจุบจิบ ทำทุกอย่างให้เป็นวิถีชีวิต ทำให้เป็นการลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายของเรา ด้วยความยั่งยืน

สิ่งนี้เลยทำให้กลุ่ม คีโตไงหล่ะพวกหล่อน ดึงดูดสมาชิกที่มีแนวทางคล้ายๆกันมาอยู่ด้วยกัน พูดจากันสนุกสนานและเป็นกลุ่มที่มีคอนเทนท์ความรู้ออกมาสม่ำเสมอมากที่สุดกลุ่มนึงในประเทศไทยเลยทีเดียว ด้วยเบื้องหลังที่มีสมาชิกไม่ว่าจะเป็น หมอเอก หมออ้วนในดงลดน้ำหนัก, พี่หนึ่ง Keto Daddy, เฮียโต้ง เนี่ย..เฮียเอง และคนอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้กลุ่ม คีโตไงหล่ะพวกหล่อน เป็นกลุ่มที่มีขุมความรู้แน่นเป็นอันดับต้นๆ ภายใต้การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ปลูกฝัง mindset ที่ดี

พี่หนึ่งเสริมว่า อีกสิ่งที่สำคัญคือการรู้ตัวเองและการอัพเดทตลอดเวลา สิ่งที่คนมักพูดว่าห้ามกินคาร์บจึงเป็นวิธีที่ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวขนาดว่าให้คาร์บเป็นพิษ เพราะทุกวันนี้แม้แต่ต่างประเทศก็มีการปรับเปลี่ยนไปมากมาย ไม่ได้หมายความว่าเขาดี แต่เขาทำเหมือนกับเรา แสดงว่ามันเป็นทิศทางที่ควร เพราะต่างคนต่างเป็นฝ่ายที่ทำจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าใครป่วยมาแล้วจะให้กินแบบนี้ ถ้าป่วยก็ควรที่จะจำกัดคาร์บอย่างชัดเจนก่อน ไม่ใช่มากินตามๆกับพี่หนึ่ง ที่มีข้าวกล้องอยู่บ้าง

พีทบอกว่าเหมือนที่เฮียโต้งเคยพูดไว้ว่า ปริมาณ สำคัญกว่า ประเภท นั่นแหละ

การปฎิบัติจริงจึงชัดเจนกว่าอ่านมาจากหนังสือ

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ บางคนกินคาร์บหนัก เช่นชานมไข่มุก กินเยอะๆมาร่วม 5 ปี วิธีย้อนกลับง่ายๆก็ เลิกกินชานมไข่มุกไป 5 ปีเช่นกัน มันก็มีโอกาสย้อนกลับไปสุขภาพดีขึ้นได้

การที่ไปมุ่งเน้นว่า จะต้องลดให้ได้มากๆในไม่กี่สัปดาห์ต้องทำให้ได้ โดยไม่สนสุขภาพ ไม่ได้ปรับ mind set เลยก็จะเป็นผลเสียมากกว่า หรืออย่างใครลดไขมันส่วนเกินมาได้ดีแล้ว งดกินชานมไข่มุกได้ระยะนึง เกิดอยู่ๆได้กินชานมไปแก้วนึงแล้วรู้สึกผิด ลงโทษตัวเองด้วยการฟาส อะไรแบบนี้ก็เป็น mind set ที่ยังไม่ได้ปรับเหมือนกัน จริงๆแค่อีกวันนึงกลับมาควบคุมใหม่ให้ดีก็ได้แล้วไม่ต้องถึงกับลงโทษตัวเอง

เฮียโต้งเลยบอกว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ของกิน ปัญหามันอยู่ที่คนกิน

หรือนั่นก็คือ mind set นั่นเอง

นี่ก็คือความแตกต่างของคนแต่ละคน

กลับมาที่เรื่องของกลุ่ม คีโตไงหล่ะพวกหล่อน ซึ่งอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประกวด Miss Keto Thailand, Yoga in the Park, การปีนผาจำลอง, การเต้น ฯลฯ ซึ่งมาจากความฝันของคุณพีทคือ อยากมีคอมมูนิตี้ ที่รวมกันทำกิจกรรมต่างๆให้มีสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน

โดยเฉพาะกิจกรรมแรก Miss Keto Thailand ที่รวมกลุ่มกันปรับ mind set ให้ออกกำลังกาย ให้ดูอาหารแบบเฉพาะแต่ละคนให้เหมาะกับตัวเอง จนทุกวันนี้แม้กิจกรรมจบไปแล้วแต่ก็ยังติดต่อกันและติดการออกกำลังกาย ตากแดด จนเป็นวิถีไปแล้ว

https://www.facebook.com/groups/747932215785522/posts/1057720834806657/

จากคลิปโปรโมทกิจกรรม Miss Keto Thailand พี่หนึ่งบอกว่าดูครั้งแรกไม่ได้คิดว่าเป็นพีท เราก็เลยมาคุยกันเรื่อง LGBTQ+

คุณพีทเล่าว่า LGBTQ+ คือ
L = Lesbian (เลสเบี้ยน)
G = Gay (เกย์)
B = Bisexual (ไบเซ็คชวล)
T = Transgender (ทรานเจนเดอร์)
Q = Queer/Questioning (ยังคงหาคำตอบอยู่ว่าเราเป็นอะไรกันแน่?)
+ = ความหลากหลายอื่นๆ

ยุค ’90 ของคุณพีทนั้นแสดงให้เห็นว่า ในยุคนั้นเป็นความกดดัน ภาพในสื่อจะเป็นตัวตลก คุณพีทโตมาด้วยสังคมที่หล่อหลอมว่า ห้ามเป็น ถ้าเป็นจะไล่ออกจากบ้าน โดนเตะ โดนรังแก จึงทำให้ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ยุ่งกับใคร

ส่วนในปัจจุบันก็เหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในอะไรที่เหมือนกับว่าเอามาเป็นตัวขายตัวตลกอยู่ดี เป็นการตลาดที่ขายเลิฟซีน จูบปาก ทั้งที่จริงๆไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างพีทเองก็เหมือนชายหญิง ไม่ได้มาจูบปากกันประเจิดประเจ้อ ไม่ได้มีรักแบบรุนแรง

ตอนวัยรุ่นก็รู้สึกว่า ยุ่งยากก็ไม่ต้องแต่งไม่เห็นจะยาก แต่พอโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่า ชีวิตต้องหาความมั่นคง แต่พอมาดูสิทธิ์ต่างๆ ไม่ว่าจะ การซื้อบ้านกู้ร่วมก็ยาก การรักษาพยาบาลก็ยาก ทำให้รู้ว่าเห้ย เราไม่มีนี่หว่า เป็นความรู้สึกเหมือนพลเมืองชั้น2 แม้แต่คุยกับเพื่อนผู้หญิงเรื่องสิทธิของ LGBTQ เพื่อนก็ยังพูดว่า เรื่องของมึงมันเป็นเรื่องเล็กๆรอให้ประเทศสงบก่อนเดี๋ยวเค้าก็ทำให้เองแหละ คุณพีทเชื่อว่าเพื่อนที่พูดนั้นไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง ยอมรับจริงๆ แต่ความเป็นจริงก็ยังคงเป็นว่า กลุ่มคนนี้เป็นพลเมืองชั้น2 ของประเทศจริงๆ ไม่ได้สิทธิ์แม้ว่าคู่ชีวิตเจ็บเจียนตายจะต้องผ่าตัด ยังไม่สามารถเซนต์ให้ได้เลย

คุณพีทยังเชื่อว่าประเทศไทยยังไมไ่ด้ยอมรับอย่างจริงจัง และก็ยังคงไม่พ้นการเอามาเป็นจุดขายหรือไม่ก็ตัวตลกอยู่ดี แม้แต่พ่อแม่ถ้าพบว่าลูกเป็น ก็ยังคงอยู่ภายใต้คำว่า ไม่เป็นไรจะเป็นอะไรก็ได้ ขอเป็นคนดีก็พอ

คำถามอยู่ที่ว่าทำไมเกย์ต้อง call out ต้องออกมาบอกว่าเป็นเกย์ ทำไมคนปกติไม่ต้อง call out ทำไม LGBTQ ต้อง call out ทำไมคนไม่ออกมาประกาศว่า แม่ครับผมชอบผู้หญิงครับ หรือแม้แต่คำถามบางคำถาม ที่มักจะโดนถามแล้วรู้สึกว่าน่าเกลียด คือ “เป็นแบบไหน” ซึ่งจริงๆเป็นรสนิยมส่วนตัว เทียบเคียงกับคำถามประมาณว่า “คุณชอบมีเซ็กส์กับภรรยาท่าไหน” พอจะนึกความกระอักกระอ่วนในเรื่องส่วนตัวออกไหม?

หรือบางที การที่คนอื่นมาเรียกเราว่า คุณแม่ หรือ ลูกสาว นั้นบางคนก็ไม่ได้ชอบแบบนั้น อย่างเฮียโต้ง กับ พี่หนึ่ง ก็คุ้นเคยกับคุณพีทเป็นอย่างดี ก็รู้ว่าไม่ได้มีอะไรต่างกับคนทั่วไปเลย เป็นผู้ชายคนนึงตัวใหญ่ๆ ที่สามารถแสดงแต่งหญิงได้ แต่ไม่ได้ชอบที่จะเกินปกติ ก็เป็นแค่คนปกติที่มีรสนิยมที่ต่างกันแค่นั้น

พี่หนึ่งเสริมว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิ่งที่คนอยากเป็นมันเป็นกันมานานแล้ว แต่แค่ว่าไม่ได้แสดงออกมา ต้องหลบๆซ่อนๆ หรือบางครั้งถึงกับต้องมีภรรยา มีลูกบังหน้า สุดท้ายแล้วก็ครอบครัวแตกแยก

คุณพีทสรุปไว้ว่า ถ้าเรายอมรับใครซักคนในแบบที่เค้าเป็นอย่างร้อยเปอร์เซนต์ เราจะได้พบศักยภาพในตัวคนนั้นอย่างร้อยเปอร์เซนต์เช่นกัน เพราะมันเกิดขึ้นได้จริงๆ และคุณพีทเองก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จากคนติ๋มๆขี้อายทุกวันนี้รู้เป้าหมายตัวเอง และลุยด้วยตัวเองได้อย่างชัดเจน จนไม่ต้องสนใจใครอีกเลย ไม่ว่าระหว่างทางจะเจอใครด่าหรือบั่นทอนมากมาย แค่เราไม่สนใจ ปรับ mindset ให้ชัดเจนเหมือนการลดน้ำหนักนั่นแหละ

เราก็ควรให้กำลังใจกัน ใครจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะได้อยู่ร่วมกันได้ ไม่ต้องไปขีดเส้นไม่บรรทัด ไม่ใช่บอกว่าห้ามกินคาร์บ ฮาๆๆๆๆ

เฮียโต้งก็เลยเสริมปิดท้ายหัวข้อนี้ไว้ว่า ให้เราดูที่คุณค่าของมัน มากกว่าประเภทของมัน ให้คุณค่ากับทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าของคน คุณค่าของสารอาหาร การที่เรามองเห็นคุณค่าในสิ่งใดๆ ให้คุณค่ากับของทุกๆอย่างได้ มันก็ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ากันได้ทุกคน

ปิดท้ายขายของ

คุณพีทกำลังมีผลิตภัณฑ์เป็น สตีเวียดรอป แบรนด์ Happe จะเปิดตัวในวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ติดตามได้ทางช่องทางติดต่อด้านล่างนี้ เรานัดกันไว้ว่า เดี๋ยวต้องมีเจอกันอีกครั้งตอนสินค้าออกแล้ว

ช่องทางการติดตามคุณพีท
FB : @Sorn Peterson
FB : Happeofficial
FB group : คีโตไงหล่ะพวกหล่อน
IG : Happeofficial
Line : @happe
Tiktok : Happeofficial
Web : www.happeofficial.com

โต้งเอง บุคคลที่พยายามเล่าเรื่องที่คนไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่อง แม้บางทีคนที่อยากให้รู้เรื่อง จะอ่าน/ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ตาม